ทำไมยิ่งรักยิ่งเจ็บ
เก็บตกจากการบรรยาย กุญแจสู่รักแท้
ญ : ข้อสุดท้ายแล้ว อันนี้น้องต้องเป็นพระเอกมิวสิคแน่เลย “ทำไมยิ่งรักยิ่งเจ็บครับ” เพราะว่ายังรักไม่ถูกนะคะพี่ว่า
พี่โจ้ : ตอบได้สองทางนะครับ ตอบแบบเดิมเดี๋ยวน้องๆ จะเบื่อนะครับ
คือมีกรรมแหงๆ อยู่แล้วล่ะครับ มันจึงทำให้หัวใจเรายิ่งถลำลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ยิ่งรักยิ่งเจ็บ แต่ว่าทางออกเป็นคำตอบเดิมนะครับ อย่างที่พี่กล่าวไปก่อนหน้านี้ก็คือ ถ้าเราได้ฝึกจิตเราให้ฉลาดรู้ทันขึ้นมา คำว่าฉลาดรู้ทัน ก็คือเกิดสตินั่นแหละ คือคำว่ารู้ทัน พอรู้ทันว่าความรักนำไปสู่ความทุกข์เนี่ย มันไม่ต่างอะไรเลยกับการที่เราใส่รองเท้า เราสวมรองเท้าก่อนออกจากบ้าน เพราะจะได้ไม่โดนเศษแก้ว เศษอะไรต่อมิอะไรตำเท้า เพื่อปกป้องเท้าไม่ให้บาดเจ็บเป็นแผล ดังนั้น เราจะสวมรองเท้าให้จิตใจเราได้มั้ยว่า รักอย่างไรแล้วถึงจะไม่ทุกข์
ดังนั้น ถ้าเรารู้วิธีว่า เราทำอย่างนี้ แล้วจะยิ่งทุกข์ ยิ่งรักยิ่งเจ็บเนี่ย แปลว่า มันยังมีความไม่เสมอกัน ระหว่างจิตกับความคิด ความคิดกับจิตคนละตัวนะครับ จิตที่เข้าไปหลงรัก ต้องใช้คำว่าหลงด้วยนะครับ เพราะว่าเวลาทุกข์เนี่ย สังเกตนะครับ ลักษณะความทุกข์มันจะเกิดเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เราจะอยากได้อะไรบางอย่างจากเค้าแล้วเราไม่ได้ ดังนั้นจะบอกว่า การที่พูดว่า ยิ่งรักยิ่งเจ็บเนี่ย แปลว่า เราอยากได้ คือเรา ไม่ได้รัก “เราหลง” เพราะว่า “หลง” คืออยากได้ แต่ “รัก” คืออยากให้
ดังนั้น ถ้าเรารู้วิธีว่า เราทำอย่างนี้ แล้วจะยิ่งทุกข์ ยิ่งรักยิ่งเจ็บเนี่ย แปลว่า มันยังมีความไม่เสมอกัน ระหว่างจิตกับความคิด ความคิดกับจิตคนละตัวนะครับ จิตที่เข้าไปหลงรัก
ต้องใช้คำว่าหลงด้วยนะครับ เพราะว่าเวลาทุกข์เนี่ย สังเกตนะครับ ลักษณะความทุกข์มันจะเกิดเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เราจะอยากได้อะไรบางอย่างจากเค้าแล้วเราไม่ได้ ดังนั้นจะบอกว่า การที่พูดว่า ยิ่งรักยิ่งเจ็บเนี่ย แปลว่า เราอยากได้ คือเรา ไม่ได้รัก “เราหลง” เพราะว่า “หลง” คืออยากได้ แต่ “รัก” คืออยากให้
ที่เจ็บก็เพราะหลง ดังนั้น ถ้าอยากหายเจ็บ ต้องจัดการกับความหลง ไม่ใช่พยายามไปดับความเจ็บ(ด้วยการเรียกร้อง)
และวิธีดับความหลง ก็ด้วยการเติมความรู้ ซึ่งก็คือ รู้สึกตัว ซึ่งตัว หมายถึงกาย เวทนา และจิตนี่เอง อยากดับความหลง ก็ให้เฝ้ารู้ดูกาย ดูเวทนา ดูจิตไปนะ แล้วจะเห็นธรรมเอง
ทุกครั้งที่รู้ ความหลงมันจะถูกแย่งที่อยู่ ทุกข์ก็จะลดลงทันที
ใครก็ตามที่กำลังทุกข์ท่วมใจร้องไห้ฮือๆ ลองตั้งใจกราบพระศาสดางามๆ ระลึกถึงคุณท่านในเรื่องวิธีการดับทุกข์ที่ท่านสอนไว้
แล้วตั้งจิตว่าจะลองทำตามท่านให้เห็นจังๆว่าทุกข์ดับได้มั้ย แล้วเริ่มเลย หาที่ๆสามารถเดินไปมาได้โดยไม่มีสิ่งรบกวนมากเกินไปเช่นระเบียงบ้านให้เดินได้สัก 20 ก้าวเป็นอย่างน้อยหรือไม่เกิน 30 ก้าว โดยเมื่อสุดปลายทางแต่ให้หมุนตัวกลับช้าๆทีละ 45 องศา สุดปลายนึงให้หมุนตัวกลับตามเข็มนาฬิกา ส่วนเมื่อสุดปลายอีกด้านนึงให้หมุนตัวกลับทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดอาการเวียนหัว เดินไปก็สังเกตความรู้สึกทางกายจากหัวจรดเท้าไปเฉยๆ ที่หัวรู้สึกยังไง ตรงนี้มึน ตรงตายังแฉะอยู่เลย(เพิ่งร้องไห้มา:D) ที่คอรู้สึกยังไง คอแห้ง คอเจ็บ หรือสบายๆ ที่ช่วงลำตัวรู้สึกยังไง ที่แขน ที่มือรู้สึกยังไง (มือหนักนิดนึง) ช่วงสะโพกรู้สึกยังไง ช่วงขารู้สึกยังไง ปลายเท้ารู้สึกยังไง รู้ทั้งตัวไปพร้อมๆกันเหมือนเราดูหนังในโรงที่ต้องดูทั้งจอพร้อมๆกัน ไม่ใช่ดูอยู่จุดเดียวของจอ ถ้าเมื่อยแขน ก็ประสานมือกันด้านหน้าบ้าง ด้านหลังบ้าง หรือจะประสานมือที่ท้ายทอยบ้าง ไพล่หลังบ้าง หรือจะกอดอกก็ได้ไม่ผิดกติกา ขอให้เดินในท่าที่สบายที่สุดก็แล้วกัน
ระหว่างดูเราจะสังเกตได้ว่า จิตมันจะแอบคิดถึง "เขา" เป็นพักๆ ก็อย่าปล่อยให้จิตเตลิดไปถึงเขาเพราะเรากำลังหัด "รู้" กำลังลดความหลง ให้หันกลับมารู้ที่กายใหม่ สักพักมันจะกลับไปคิดอีก ก็กลับมาสนใจที่ความรู้สึกทางกายทั่วตัวอีก สลับไปสลับมาอย่างนี้ ในที่สุดจะเห็นได้เองว่าเวลาที่รู้กายอยู่ ความคิดมันจะไม่ล่องลอยและทุกข์ก็จะไม่มากเท่าเดิม นี่แหละความก้าวหน้าขั้นแรกแล้วครับ ว่าทุกข์นี่มันเกิดเพราะคิด ตอนรู้กายอยู่นี่ทุกข์มันจะเกิดไม่ได้เลย แค่นี้เราก็จะมีวิธีหนีทุกข์ง่ายๆที่ไม่ต้องไปพึ่งพาใครเลย สตางค์ก็ไม่เสีย เฝ้าดูมันดิ้นสลับไปสลับมาระหว่างคิดกับรู้ ในที่สุดเราจะเข้าใจลักษณะของความรู้และลักษณะของความหลงได้อย่างชัดเจน และจะรู้ด้วยว่าทุกข์มันเกิดตอนไหน ทุกข์มากขึ้นตอนไหน ทุกข์น้อยลงตอนไหน
พอดูจนสามารถ "รู้กาย" ทั้งตัวได้ง่ายๆไม่เพ่งไปที่จุดเดียวแล้ว ค่อยเริ่มหัดดูเวทนาหรือความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆที่จะเกิดขึ้นร่วมกับความรู้สึกทางกายทุกจุด ดูเวทนาสลับกับดูกายไปจนชำนาญ คือเห็นมันเกิดสลับไปสลับมา คราวนี้จะเห็นได้ชัดๆเลยว่าทุกข์ครอบงำเราได้ยากกว่าเดิมมากๆแล้ว เพราะเรามีอาวุธที่สร้างได้เองคือสติ หรือความรู้สึกตัวนี่เอง ใครอยากรู้ไปหาอ่านต่อเอานะครับ มหาสติปัฏฐานสูตร รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต แค่รู้ทั้งสามรู้นี้จนชำนาญ ความทุกข์จะกลายเป็นของหายากแล้วสำหรับคนๆนั้น :-)
ตอนกำลังร้องไห้ฮือๆอยู่นี่แหละ นาทีทองที่จะปฏิบัติให้เห็นว่า คำสอนพระพุทธองค์ ดับทุกข์ได้จริงๆ และตรงประเด็นที่สุดแล้ว ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกหรือใครที่ไหนมาบอกว่าเรามีตัวตนเพื่อดับทุกข์เลย
ใครกำลังทุกข์มากๆ เริ่มเลยนะครับ อย่ารอ ทำได้ผลแล้วรีบบอกต่อเพื่อนรอบๆตัวด้วย การบอกต่อนี่เหมือนเป็นการจับความทุกข์ไปถ่วงน้ำเลย :-)