เหตุเกิดจากความเหงา

ตัวฉันเอง เมื่อก่อนเป็นคนขี้เหงามาก... 

มาจนตอนนี้เจอเหตุการณ์ในชีวิตมากมาย ก็ทำให้ได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับความเหงา ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับความเหงามากขึ้น 

จะว่าไป... ช่วงเว้นว่างจากคู่ ก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเจอคนใหม่แบบไหน ซ้ายหรือขวาก็ได้

ทำให้คิดได้ว่า ที่จริงแล้วในช่วงเวลานี้เราลองคิดว่าเป็นช่วงพักร้อน หันมาตรวจสภาพหัวใจก็ดีไม่น้อย จะทำให้เราได้รู้จักตนเอง และมีโอกาสที่จะหยุดแล้วพัฒนาตนเองมากขึ้น

จากประสบการณ์ที่เรียนรู้มาด้วยตนเอง จากคนรอบข้าง รวมทั้ง ที่เรียนมา ความรัก ก็เป็นนามปรากฏของกรรมอย่างหนึ่ง

เหมือนที่บางคนเกิดมาหล่อ สวย ขี้เหร่ รวย จน เกิดมา ท่ามกลางสังคมแบบไหน 

ความรักก็เช่นเดียวกัน.... “กรรม” ที่เราทำเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ เราไปเจอ ไปตกหลุมรักคนที่จะพาเราให้เป็นไปตามกรรม 

ดังนั้น เวลาเกิดเรื่องปวดหัวต่าง ๆ จากความรัก ไม่ต้องเสียเวลาหาเหตุผลให้เหนื่อยว่า  ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอคิดอย่างนี้ หลายครั้งเรายังหาเหตุผลที่ไปรักใครไม่ได้เลย สั่งให้หยุดใจไม่ให้รัก ก็ไม่ได้ เรื่องความรักเองก็มีที่มาไม่ต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก ฐานะ และอื่น ๆ มันเกิดขึ้นจากความสมเหตุสมผลของกรรม และอำนาจ กิเลสในใจเรา เหมือนกับประโยคที่ว่า

“ชาย หญิง ไม่ได้มาจากดาวคนละดวง คนทั้งปวงเกิดจากความ ไม่รู้อันเดียวกัน ตลอดจนมีเหตุผลในการดำเนินชีวิตเหมือน ๆ กัน นั่นคือกิเลสสั่งให้ทำอะไรก็ทำ” จากหนังสือรักแท้มีจริง

ดังนั้น ถ้าคุณเคยอ่านนิยายหรือเคยได้ยินประโยคเก๋ไก๋ประมาณว่า “เราทุกคนเกิดมาเพื่อหาชิ้นส่วนที่ขาดหายมาเติมเต็ม” 

หรือประมาณ “หาใจอีกดวงที่อยู่สักแห่งบนโลกใบนี้” จึงขอ แนะนำให้คุณตื่นจากความฝันนั้นก่อน

คู่รักที่ดีสมบูรณ์แบบดั่งเจ้าชายขี่ม้าขาว หรือเจ้าหญิงบนหอคอย งาช้าง ไม่ได้มีอยู่จริงบนโลกแบบฟ้าประทานพร หรืออีกแบบที่ คนส่วนมากมักเป็นกันคือ ชอบคนดีรักคนเลว ที่เขาดี ๆ ทำไมไม่รัก รักทำไมแต่คนไม่ดี หรือคนเจ้าชู้ดูมีเสน่ห์ท้าทาย คนดีดูจืด ๆ ไม่น่าค้นหา  แล้วสุดท้ายก็เลือกคนตามใจอยาก หวังว่าจะเปลี่ยน จะหยุดเขาได้ อย่างนั้นบอกได้เลยว่า จิตคุณเลือกคนตามกรรม ตามกิเลสล้วน ๆ  และจะพบโศกนาฏกรรมในเรื่องความรักให้เดินไปตามกรรมพิฆาตต่อไป

บทความสั้น ๆ นี้ จะบอกเล่าวิธีที่เราสามารถสร้างหรือดึงดูดคนที่ดี ที่เหมาะสมกับเรามาเจอกันได้ โดยความเข้าใจเรื่องกรรม อันแปลว่า การกระทำ  แต่… ไม่ใช่เวลาเหงาเปลี่ยว ๆ แน่นอน เพราะเวลาที่เหงา เป็นช่วงที่ใจโหยหาความรัก บวกกับใจที่อ่อนแอ อารมณ์ประมาณนี้เหมือนอารมณ์หิวกระหาย และง่ายมาก ๆ  ที่จะพาตนเองให้เป็นไปตามกรรม คือ อารมณ์จะนำหน้า เหตุผล ในการคัดเลือกจะมาทีหลัง และมันมักจะไม่ได้ดึงไปรับกรรมอย่างเดียว ทุกครั้งจะดึงเราไปสร้างกรรมใหม่ที่จะทำให้เราเดือดร้อนตามมาในภายหลังได้เสมอ เช่น ไปให้ความหวังคนที่เราไม่ได้มีใจชอบจริง ๆ ไปคบกับคนที่ไม่ดีแล้วก็มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน

เวลาที่เหงา เมื่อเจอใครสักคนหนึ่ง (ที่เหมือนจะดูดี อาจจะดีหรือไม่ แท้ที่จริงก็เพราะกรรมบันดาล) จะเกิดแรงดึงดูด ยิ่งมีแรงดึงดูดมาก ก็ยิ่งต้องระวัง เพราะจิตที่ดี ที่เป็นกุศล สงบ จะไม่มีภาวะเร่าร้อน และแรงดึงขนาดนั้น สังเกตจากหลักธรรมชาติง่าย ๆ ก็ได้ว่า โลกมีแรงดึงดูด ดึงดูดลงต่ำ หรือว่าขึ้นที่สูง? 

ความอยากมีใครสักคนนั้น จะเป็นแรงผลักดันให้เราวิ่ง ๆ  ตาม ๆ คว้า ๆ ยึด ๆ แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จิตใจที่เหงา เศร้าหมองที่เป็นอกุศลนี้จะดึงดูดคนดี ๆ ที่เป็นสีขาว ที่เป็นกุศลเข้ามาในชีวิต ด้วยหลัก ความจริงของธรรมชาติคือ จิตจะดึงดูดสิ่งที่คล้ายกันเข้ามา ด้วยเหตุนี้ ถ้าอยากมีความรักดี ๆ ก็ต้องทำใจให้เป็นกุศล สว่าง ขาว เข้มแข็ง มีคำแนะนำ ๒ วิธีนะคะ 

วิธีแรก สร้างความสุขให้ตนเองก่อน

ช่วงไหนอ่อนแอให้กลับมาดูแลใจตนเองก่อน อย่าเพิ่งหาใครดูแล เพราะคนบนโลกมีสภาพแบบเดียวกันคือ “เหงา” นัยนี้มีความหมายคือ ต้องการหาที่พึ่ง ต้องการคนมาบอกว่าเรามีคุณค่า ทำให้เรารู้สึกว่ามีตัวตนอยู่บนโลก แต่การที่เราอ่อนแอ ก็เหมือนเราเอาภาระไปให้ คนอื่น การพึ่งพาคนอื่นมาก ๆ เป็นผลเสียต่อคนอื่น หรือ ต่อตนเอง?

เริ่มแรกดูเหมือนจะเป็นผลเสียต่ออีกฝ่าย แต่ต่อมามันก็เป็นผลเสียต่อตัวเรา คือ ต้องเข้าหรอบเดิม ใจที่หาที่พึ่งจะมีความอยากได้ อยากเอา ทำให้อีกฝ่ายอึดอัด อันนี้สร้างกรรมใหม่กับคนอื่น และถ้าเราเริ่มรักใครด้วยความอยากแบบนี้ มันไม่สามารถจะทำให้ความรักของคนสองคนสมบูรณ์ขึ้นมาได้เลย เพราะความรักมีพื้นฐานที่ “การให้” ไม่ใช่ “การเอา”  

การให้ คือการแบ่งปันเพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข ถ้าคนทั้งสอง มีการให้ ต่างฝ่ายต่างคิดถึงอีกคนมากกว่าตนเอง จะไม่มีคำว่า เรียกร้อง จากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และคนที่เหงานั้น สังเกตดู เป็นอารมณ์อยากให้สิ่งดี ๆ กับคนอื่น หรืออยากให้มีคนมารัก? อย่างเก่งเราก็แค่ให้เพื่อได้ อาจจะตามจีบใคร ทุ่มเท แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เพราะอยากได้เขามาในเริ่มแรก ถ้าความรู้สึกตั้งต้นมันไม่ได้เกิดจากพื้นฐานที่บริสุทธิ์ว่าเราอยากให้ เพื่อให้อีกคนมีความสุข แต่เป็นอยากให้เพื่อให้อีกคนมาเห็นค่าของเรา ไปเป็นเจ้าของเขา แล้วเราจึงจะมีความสุข เราจะให้ หรือทำดีต่อกันได้นานแค่ไหน นอกจากนั้น เรื่องของคู่รักยังเป็นการประกอบขึ้นจากคนสองคน ถ้าให้อยู่ฝ่ายเดียว ความสัมพันธ์จะมั่นคง ได้อย่างไร ส่วนมากจึงมักเป็นฝ่ายหนึ่งเอาแต่ให้มาก ๆ ในช่วงแรก อีกฝ่ายรับเป็นส่วนมาก พอนาน ๆ ไปก็สลับบทกัน คนหนึ่งรักน้อยลง อีกคนรักเพิ่มขึ้น ไม่ได้มีความสมดุลในการให้และรับเสมอกันตั้งแต่ต้นจนต้องไปจบ

นอกจากนี้ที่สำคัญคือ คนเหงาที่มีสภาพจิตใจปวกเปียกแต่แรก ยิ่งต้องการพึ่งคนอื่นมาก ๆ  ต้องการให้คนอื่นมาเห็นคุณค่ามาก ๆ  นานไปจะยิ่งจิตใจอ่อนแอ เพราะมีความเห็นผิดตรงนี้คือ “เราจะมีความสุขอยู่ได้ด้วยการที่มีคนอื่นมาเติมเต็มเท่านั้น”

“จำไว้ว่าเราจะเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยการพึ่งตนเอง ไม่ใช่มีคนอื่น มาให้พึ่ง”

เมื่อใจหม่น ๆ เหงา ๆ จึงเป็นช่วงเวลาที่สภาพใจไม่ปกติ เราจึงต้องหาทางรักษาให้มันแข็งแรงก่อน นั่นก็คือ หมั่นทำบุญและกุศล ให้จิตสว่าง ขาว แจ่มใส ได้แก่ 

ทาน บริจาคทรัพย์ แรงกาย หรือเวลาเพื่อบรรเทาความทุกข์ของคนอื่น หรือให้ผู้อื่นมีความสุข เช่น ให้เงินห้าบาทสิบบาท บริจาคของ ให้อาหารหมาแมว ทำหนังสือธรรมะดี ๆ แจก ฯลฯ เป็นการฝึกการเสียสละ เมื่อได้รู้จักการให้กับคนที่ด้อยกว่า อ่อนแอกว่า เราจะรู้สึกเข้มแข็ง แข็งแรงเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้ 

ศีล (ศีล ๕ หรือเพิ่ม ศีล ๘ ทำวันพระ หรืออาทิตย์ละครั้งได้ยิ่งดี) เป็นการฝึกความอดทน เพราะศีลเป็นการตั้งใจระงับ งดเว้นการเบียดเบียนผู้อื่นทางกาย และวาจา คนที่มีความอดทนต่อกิเลสจะเป็นคนที่มีความหนักแน่นทางอารมณ์ และว่ากันตามเรื่องเหตุและผลของกรรม การที่เราไม่เบียดเบียนผู้อื่นก็จะทำให้เราปลอดภัยจากภัยเวร ไม่โดนคนอื่นเบียดเบียนเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องศีลข้อ ๓ ที่เป็นที่มาให้คนบนโลกมีปัญหาเรื่องความรักซับซ้อน ตรอมตรม ที่สังคมปัจจุบันมีปัญหาเรื่องคนรักฆาตกรรมกันตาย คบกันได้ไม่นาน คบซ้อน แฟนมีกิ๊ก สามีภรรยามีน้อย บ้านเล็กบ้านใหญ่ มาจากการผิดศีลข้อ ๓ ทั้งหมด แต่ด้วยเหตุว่าเราโสด ที่ต้องระวังเรื่องการรักษาศีลข้อนี้จึงน่าจะมีเรื่องเดียวคือ อย่าไปละเมิดคนที่เขามีคู่อยู่แล้ว เพราะถ้าเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความผิดก็ไม่มีทางที่จะคบกันได้อย่างสงบสุข หรือเป็นคู่แท้ถาวรได้ 

และสุดท้ายคือ ภาวนา ได้ทั้งการทำสมาธิสมถะให้จิตใจสงบสุข และวิปัสสนาการเรียนรู้ ตามดูกายใจของตนเอง ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น

สรุปคือ หากิจกรรมที่เป็นกุศล สีขาว เข้าไปคลุกคลีมาก ๆ เอาความสว่างมาไล่ความมืดของใจ

วิธีต่อมาคือ วิธีสร้างเหตุผล สร้างปัญญาในการเลือก

วิธีนี้เป็นประโยชน์มากต่อมาจากข้อที่แล้วคือ การรู้จักเรียนรู้ ภาวนาจนจิตใจมีความเข้มแข็ง มีอุเบกขาและเป็นกลางจะทำให้เราสามารถใช้สติปัญญาอย่างมีเหตุผล ไม่หลงตัดสินใจไปตามอารมณ์หรืออำนาจกิเลสที่จะเป็นตัวพาเราไปรับกรรมเก่า ๆ 

การเห็นทุกอย่างอย่างเป็นกลาง เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง ไม่มีอคติ ไม่ใช้ความอยากนำ ความเข้าข้างตนเองไปรวมอยู่ 

กับทั้งการแยกแยะกุศลและอกุศลได้จะทำให้เราเห็นว่าอะไรควรไม่ควร อะไรดีไม่ดี ใจตรงนี้ก็เป็นกุศลอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ดีว่าใครที่เป็นคนดี มีความเหมาะสมที่จะคบแล้วมีความสุข มั่นคงและยั่งยืน ความรอบคอบไม่ด่วนตัดสินใจจะไม่พาเราไปจมปลักกับความผิดหวังเดิม ๆ  

นอกจากนี้ เราควรทบทวน สังเกตตัวเองให้ถ้วนถี่ว่าเรามีนิสัยแง่ร้ายด้านใดจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่ทำให้ความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดหรือทุกครั้งมีปัญหา (ซึ่งน่าจะต้องมีบ้าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย บอกเลิก หรือโดนบอกเลิก) เช่น เอาแต่ใจ ขี้หึง ขี้โวยวาย เจ้าชู้เล็ก ๆ  ในแง่นี้ การภาวนาก็เป็นคำตอบที่ช่วยคุณได้ โดยมองให้เห็นโทษของ นิสัยตนเองก่อน แล้วเข้าใจว่าพฤติกรรมด้านร้ายแต่ละเรื่องมีที่มาจาก กิเลส ราคะ โทสะ โมหะ นี่เอง การมีสติ ไม่หลงตามกิเลส หักห้ามใจตัวเองได้ในแต่ละครั้ง จะส่งผลให้เราเปลี่ยนแปลงนิสัยด้านร้ายกลายเป็นด้านดี ที่จะดึงดูดให้เราไปเจออะไรที่ดี ๆ  และหลุด จากวงจรกรรมไม่ดี ๆ เก่า ๆ ให้ต้องกระทำ และถูกกระทำ ช้ำ ๆ ซ้ำ ๆ  ไปเรื่อย ๆ ได้ด้วย 

กรรมเก่าอาจผลักดันให้เราไปเจอสถานการณ์ตามกรรม หรือแม้กระทั่งผลักดันให้เรามีกิเลสอย่างไรเพื่อส่งให้เราทำอะไรตามความเคยชินเดิม ๆ เพื่อไปรับกรรม แต่มากที่สุดก็ทำได้ถึงแค่ตรงนั้น สำคัญที่กรรมปัจจุบันว่า เราจะเลือกชีวิตไปในทิศทางไหน 

ส่วนปัจจัยเสริมอื่น ๆ ทั้งหมดก็ลงมาที่กรรมปัจจุบันคือ การเลือกของเราทุกครั้ง โดยเฉพาะการเลือกคบคนอย่างไร อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เรามีทางเลือกได้ และทางเลือกนี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงกับการต้องไปเจอกับคนที่ไม่ดีไม่มากก็น้อย (ตามหลักมงคลชีวิต ๓๘ ประการ) เช่น โอกาสที่จะพบรักแท้คนดี ๆ ท่ามกลางแสงสี หรือโลกไซเบอร์ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปมาก่อนนั้นน้อยมาก 

อีกประเด็นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงนิสัย พัฒนาตนเองเพื่อ เจอคนที่ดี เมื่อเราอยู่ใกล้และคลุกคลีกับคนเช่นไร เราก็จะมีส่วนหรือ ได้ความเป็นอย่างเขามาไม่มากก็น้อย การเลือกอยู่ในสังคมแบบไหนก็เท่ากับเราเลือกตัวตนในแบบนั้น ๆ  ก็จะได้แฟนในแบบนั้น ๆ มาเป็นคู่ เช่น อยู่ในสังคมคนที่ชอบธรรมะ ก็จะพาคุยและส่งเสริมกัน ในเรื่องธรรม ในเรื่องการพัฒนาตนเอง อยู่ในสังคมเที่ยวราตรีก็จะได้คนที่ชอบแสงสี คุยเล่น คุยสนุก

เรื่องบางเรื่องเราเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงมีความสำคัญอย่างมาก โดยส่วนตัวได้ส่วนดี ๆ  ที่นำมาพัฒนาตัวเองได้มากก็เพราะการเลือกคบเพื่อนนี่แหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการชอบคบเพื่อนที่สนใจศาสนาจะต้องดีเลิศ หรือคบเพื่อนที่ชอบเที่ยวจะเป็นคนที่เลวร้ายเสมอไปนะคะ ความจริงคือ เราทุกคนก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนกันอยู่ มีทั้งด้านดีและด้านร้าย การเลือกสังคมเป็นการเลือกคนที่มีเป้าหมายอย่างไร และมีแนวโน้มว่าจะชื่นชอบและมีความต้องการแบบไหนมากกว่า ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เราจะพัฒนาไปในทิศทางใด หรือเจอคนแบบไหนได้มากกว่าเท่านั้น ดังนั้น จะเลือกดูใจ คบใครยังไงเสียก็ต้องอาศัยเวลา และความรอบคอบในการดูเหมือนกัน

สรุปคือ ในเรื่องความคาดหวังว่าจะมีรักจริง ไม่ทิ้งให้เจ็บ ไม่คบให้เศร้า มันมาจากที่ตัวเรานั่นแหละค่ะ 

การอยากได้อะไรดี ๆ  ก็ต้องทำดี ทำเหตุให้คู่ควรที่จะได้รับเพราะจิตมันก็เลือกตามกรรม เหตุอย่างไรผลก็เป็นอย่างนั้น กรรมติดตัวเราไปทุกก้าวอย่างไร การตัดสินใจทุกย่างก้าวของเราก็มีส่วนสำคัญในการหักเหให้ชีวิตเราเข้าตรงทางที่ตั้งใจทีละน้อย หรือค่อย ๆ ออกจากทางได้ 

ทุกครั้งที่กรรมส่งผล เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกขึ้นสูงหรือลงต่ำ เช่นกัน เราก็มีสิทธิ์เลือกความรักและคนที่เรารักได้ 

หวังว่าไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้จะพอเป็นแง่คิดให้เราตื่นขึ้นมาจากความรักที่เป็นทุกข์ได้บ้างนะคะ แนะนำอ่านหนังสือเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรัก “รักแท้มีจริง” ของคุณดังตฤณค่ะ เพื่อให้เข้าใจ และรู้จักสร้างความรักด้วยใจของตนเอง 

ต้นไม้ที่สวย ทน แข็งแรง (และมีประโยชน์) ยังต้องอาศัยเวลาคัดเลือก บ่มเพาะ และตั้งใจรอวันผลิบาน ออกดอกออกผลอย่างไร ความรักดี ๆ  คนรักดี ๆ  ก็ต้องอาศัยเวลาค้นหา แต่ก็สร้างได้ ด้วยการเปลี่ยนที่ตัวเรานั่นแหละ เพื่อให้คนสองคนเป็นผู้โชคดี และพอดีของกันและกัน เมื่อเวลาเหมาะสม พี่ชายสอนว่า ยิ่งเราเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะเจอคนที่ “ใช่” ได้เร็วเท่านั้น บางทีคนนั้นอาจอยู่รอบ ๆ ตัวคุณนานแล้ว เพียงแต่รอวันที่ใจคุณจะพร้อมรับสิ่งดี ๆ เท่านั้นเอง

โชคดีทุกคนค่ะ ^^

Ying LeoLino


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.