กรรมส่งผลที่ความรู้สึก
โดย นายโจโจ้
มีเรื่องเล่าสู่กันฟังเพื่อประกอบให้เข้าใจได้ ดียิ่งขึ้นครับถึงที่มาของข้อสรุปที่ว่า กรรมส่งผลผ่านทางความรู้สึกครับ
คืนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาสะอื้นกับโจโจ้ว่า "พี่ ทำไมหนูถึงต้องไปหลงรักผู้ชายห่วยๆที่ไม่เคยใส่ใจเลยว่าหนูจะเป็นตายร้ายดียังไง"
แทนที่จะปลอบน้องที่กำลังสะอื้นให้หายเศร้า นายโจโจ้ปากหมาก็ตอบแบบไว้ลายความปากหมาอย่างถึงที่สุดว่า "อ่ะฮ่า แล้วเราน่ะ เคยทำอะไรมาล่ะถึงต้องมาหลงรักผู้ชายห่วยๆแบบนี้"
น้องงง ไปวูบนึง หยุดสะอื้น แล้วตอบแบบมั่นใจว่า "พี่ หนูไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครเลยนะ"
โจโจ้ตอบไปว่า "แบบนี้น่ะแบบไหน" น้องเลยขยายความว่า ผู้ชายที่เขาชอบ ให้ความหวังผู้หญิงไว้สองคน ให้สองคนนี้แข่งกันเอาใจฝ่ายชาย โดยไม่ได้ใส่ใจเลยว่าฝ่ายหญิงจะรู้สึกยังไง สารทุกข์สุกดิบอะไรก็ไม่ดูแล เลยตอบเขาไปว่า
"ดี สรุปรูปแบบของกรรมที่เคยก่อไว้แล้ว ก่อนจะบอกว่าไม่เคยทำ ลองไปคิดทบทวนดูก่อน ไม่ต้องหาไกลหรอก ชาตินี้นี่แหละ ไปคิดทบทวนดีๆว่าเคยทำอะไรอย่างนี้กับผู้ชายมามั่งมั้ย"
น้องหายไป พอคิดออกแล้วก็โทรมากรี๊ดๆ "คิดออกแล้ว คิดออกแล้ว ใช่เลย เคยทำจริงๆแหละพี่ ตอนหนูอยู่ ป.5 กับผู้ชายสองคน หนูไปให้ความหวังเค้าไว้สองคนพร้อมกันเพื่อให้เค้าไม่มีกะใจจะอ่านหนังสือ หนูจะได้ได้คะแนนสอบสูงกว่าเค้า ตอนนั้นเค้าเป็นเพื่อนรักกันด้วย แทบจะผิดใจกันเลยเพราะแข่งกันเอาใจหนู แล้วทีนี้หนูต้องทำอะไรต่อล่ะพี่"
โจโจ้ตอบไปว่า "ก็ติดต่อไปหาสองคนนั้น สารภาพผิดแล้วขออโหสิกรรมจากเขาทั้งสองคนสิ อย่าลืมบอกเค้าทั้งสองคนด้วยว่าตอนนี้เราน่ะเจอสภาพนั้นกับตัวแล้ว เข้าใจแล้วว่าตอนนั้นเค้ารู้สึกยังไง และเราตั้งใจจะไม่ทำให้ใครรู้สึกอย่างนี้อีกเลยไม่ว่าจะต้องลำบากขนาดไหน"
น้อง ใช้เวลาไปอีกสองสามวันในการตามหาเบอร์ของเพื่อนทั้งสองคนนั้น ซึ่งทั้งสองคนไปทำงานกันคนละประเทศ พอได้แล้วก็จัดการโทรไปสารภาพผิด ขออโหสิกรรมจากเพื่อนทั้งสองคนนั้นซึ่งต่างก็แต่งงานไปเรียบร้อยแล้วกับสาว ที่เจ้าตัวบอกเองว่าหน้าตาคล้ายน้องคนนี้ และทั้งสองคนก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว เห็นเป็นเรื่องเด็กๆเท่านั้น ยังบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก ซึ่งน้องก็ได้ขอขมาด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริงๆไป พอขออโหสิกรรมเสร็จก็โทรมารายงานโจโจ้ราวสี่ทุ่มกว่าว่าเรียบร้อยแล้ว จะให้ทำอะไรต่อดี ก็บอกเขาไปว่า ดูความรู้สึกตัวเองเอาไว้นะ ล่าสุดวันนี้ที่เจอกัน รู้สึกกับผู้ชายคนนั้นยังไง แล้วพรุ่งนี้ที่เจอกันครั้งแรกหลังจากที่ได้สารภาพผิดและได้รับการอโหสิกรรม จากเพื่อนทั้งสองคนไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกันแล้วโทรมาเล่าให้ฟังด้วย
น้อง โทรกลับมาใหม่ในเช้าวันต่อมา แปดโมงเศษ เล่าแบบกึ่งตื่นเต้นว่า "พี่ หนูเพิ่งออกมาจากบ้านเขาล่ะ แว่บแรกที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นหน้าเค้านะ หนูรู้สึกขึ้นมาเลยว่า ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรเลย"
"ฮ่ะๆๆ แล้วเมื่อวานนี้ก่อนจะขออโหสิกรรมจากเพื่อนสองคนนั่นล่ะ รู้สึกยังไง" โจโจ้ถาม
"เมื่อวานหนูยังรู้สึกรักเค้า ยังป้อนข้าวเค้าอยู่เลย นี่ไม่ได้ทะเลาะกันด้วยนะ เมื่อวานก็แยกกันดีๆ ไม่ได้มีอะไรไม่ดีซักกะหน่อย ทำไมความรู้สึกรักเหลือเกินเมื่อวานมันหายไปไหนหมด" น้องว่า
โจโจ้ เลยอธิบายต่อว่า "ก็กรรมมันส่งผลกันผ่านทางความรู้สึกไง พอหมดวาระของกรรม ความหลงรักที่เป็นเหตุให้ต้องไปรับวิบากจากกรรมนั้น ความหลงก็หมดไป คือไม่ต้องรับกรรมก้อนนี้อีกแล้ว ความทรมานใจก็หายไปด้วย รู้สึกมั้ยล่ะ...."
จากนั้นอีกไม่ถึงสัปดาห์ ทั้งสองคนก็ยุติความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ
มีเรื่องทำนองนี้อีก หลายเรื่องครับ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อธิบายขึ้นมาแล้วชัดเจนที่สุด และเจ้าตัวก็ได้เอ่ยปากอนุญาตไว้แล้วว่า ถ้าเรื่องของเขาจะเป็นประโยชน์กับใคร ก็ให้นำไปเล่าได้เลย แต่อย่ามาถามนะครับว่าน้องคนนี้เป็นใคร เพราะจะไม่บอกครับ แต่อย่างไรแล้ว ท่านที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็อย่าลืมอนุโมทนากับเจตนาน้องเขาด้วยนะครับ ถ้าเขาไม่ได้อนุญาตไว้ โจโจ้ก็ไม่กล้านำมาเล่าหรอกครับ
ที่มา: www.larndham.org