เหตุของไฟอยู่ที่เรานี้เอง
เวลาที่มีความทุกข์ มันเป็นช่วงที่เคว้งคว้างที่สุดเลย คุณว่าไหม? เพราะเราไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรให้มันหายไป
เวลามีสุข เราทุกคนต่างนิ่งนอนใจ นั่งแช่อยากจมอยู่กับความสุขนานๆ เวลาที่ทุกข์คนเราพยายามหาทางแก้ หาทางออก สังเกตใจไหม ตอนมันวิ่งวนหาทาง ใจเราดิ้นทุรนทุราย พอเราเชื่อว่าสิ่งไหนจะเป็นความสุข เราก็วิ่งไปหา เพื่อที่จะได้ลืมความทุกข์นั้น
แต่หากเราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเหตุ เราก็จะเข้าใจว่า วิธีการแก้ปัญหาแบบนั้นน่ะ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา แต่เป็นการหนีปัญหา
เพราะเมื่อตราบใดที่เรายังไม่รู้ต้นตอ หรือเหตุของปัญหานั้น มันก็มีโอกาสที่เราจะต้องมาทุกข์ซ้ำซากวนเวียน เหมือนบ้านเราไฟไฟม้ เราก็ขอไปอาศัยอยู่บ้านญาติ นั่งพักผ่อนให้เย็นใจ พอรู้ตัวว่าไม่มีบ้านอยู่ ก็สร้างบ้านใหม่ (กว่าจะสร้างเสร็จ เฮ้อเหนื่อย -_-“) พอบ้านไฟไหม้อีก ก็ทำแบบเดิม
ทั้งที่ดับไฟที่บ้านเรา ทั้งที่มันยังไหม้น้อยๆ จะได้ไม่ต้องลุกลามทั้งบ้าน แล้วต้องมาหาทางสร้างบ้านใหม่ง่ายกว่าไหม หรือถ้าตอนนี้มันรู้ไม่ทันแล้ว ไหม้ไปหมดหลังแล้ว อย่างน้อยรู้ว่าเหตุของไฟไหม้บ้านมาจากอะไร เช่น อาจจะมาจากแค่เราชอบเลินเล่อไม่ยอมปิดเตาแก๊ส เขี่ยบุหรี่ไม่เป็นที่เป็นทาง มีบ้านใหม่คราวหน้าแล้วจะได้ระวัง ไม่เลินเล่อแบบเดิม บ้านก็ไม่ต้องไหม้แล้วไหม้อีก
ให้ย้อนมองภาพนี้กลับมาเรื่องของความทุกข์ และเรื่องของหัวใจ มันก็เป็นอย่างเดียวกัน เวลาที่มีความทุกข์เกิดขึ้นที่ใจเรา เราต่างไม่เคยจะเห็น (หรือไม่สนใจจะเห็นก็ไม่รู้^^) เราวิ่งวุ่นออกไปหาทางแก้ข้างนอกใจ เราก็เลยทุกข์ซ้ำซาก บางคนบอกว่าทุกข์นานแล้วไม่หายสักทีจะทำยังไง ก็บอกได้ว่าเพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุน่ะสิ เหตุเก่ามันยังไม่หมด แถมเพราะเราไม่รู้ ไปสร้างเหตุไม่ดีเพิ่ม สร้างเหตุให้ทุกข์ร้อนไปเรื่อยๆ แล้วมันจะจบได้ยังไง
ที่มาของเหตุแห่งความทุกข์ มันก็เป็นหลักง่ายๆที่ใครๆก็รู้ ก็คือเรื่องกฎแห่งกรรมนั่นแหละ เราทำเหตุให้ผู้อื่นทุกข์อย่างนี้มา เราก็เลยต้องมาทุกข์แบบนี้ เรามักหลงลืมด้วยนิสัยที่เห็นได้แต่อะไรเฉพาะหน้า ก็เลยโทษแต่สิ่งที่มากระทำเราตรงหน้า (บางทีเค้าอาจจะไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ) พยายามจะแก้ที่ผลที่ต้องรับ ว่าจะไม่ยอมรับ จะไปแก้ที่คนอื่น หรือสิ่งแวดล้อม มันก็เหมือนไม่ยอมรับสิ่งที่ตนเองทำมา ยังใช้ไม่หมดก็เลยต้องใช้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูก ก็หาทางแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการที่ใครจะทำอะไรก็เรื่องของเขา เราจะได้รับอะไรก็เรื่องกรรมเก่าของเรา อยากหายเหรอ ได้แน่นนอน ไม่ต้องก้มหน้ารับไปเรื่อยๆหรอก
เข้าใจเรื่องเหตุและผลแล้วว่าทำอย่างไรได้อย่างนั้น ก็สร้างเหตุใหม่ที่ดีที่ตัวเองต้องการสิ เหมือนเราตั้งใจปลูกต้นไม้ดีๆให้งอกงาม ตั้งใจแล้ว หย่อนเมล็ดแล้ว รดน้ำเลี้ยงดู ใส่ปุ๋ย วันนึงมันก็ออกเป็นผลให้เราชื่นใจได้ (แต่อย่าหวังว่ามันจะเป็นถั่วงอกนะ ปลูกสามวันโต อดทนหน่อย….^^v)
ยกตัวอย่างเช่น เรามีทุกข์เพราะคนอื่นพูดจาไม่ดีกับเรา เราดูจากปัจจุบันนี้ แล้วก็เข้าใจง่ายว่า มันเป็นผลมาจากเหตุที่เราเคยทำไว้ มันเกิดจากที่เราเคยพูดจาไม่ดี ทำร้ายจิตใจให้คนอื่น อาจจะเป็นพ่อแม่ แฟนเก่า เพื่อน และอื่นๆ
พยายามหลีกแล้วก็หลีกไม่ได้ เขาจะพูดจาไม่ดีก็เป็นผลจากกรรมเก่าของเรา ที่เรายังรู้สึกไม่ดีอยู่ก็เป็นผลของกรรมเก่าของเรา คนที่เราเคยโดนเราพูดจาไม่ดีใส่ เขาก็ทุกข์แบบนี้แหละ ถ้าทำได้ เราก็ไปขอโทษคนที่เราเคยไปทำไว้ แล้วก็สร้างเหตุที่ดีใหม่ ต่อไปเราจะพูดจารักษาความรู้สึกคนอื่น พูดเพราะ พูดดี พูดให้คนอื่นมีความสุข
พอเราไม่ไปจิกกัดตอบคนที่มาทำกับเรา คือไปยุ่งกับผล เหมือนการหลีกเลี่ยงการรับผล(สร้างเหตุไม่ดีเพิ่มด้วย) พอเค้าว่าเราจนเหนื่อย เอ้ย จนเหตุที่เราเคยทำไว้หมด เค้าอาจจะเลิกว่าเรา หรือเราก็จะไม่รู้สึกทุกข์แบบนี้อีก (เคยมีประสบการณ์เห็นมาว่า คนบางคน เค้าไม่ได้ทำไม่ดีแบบนี้กับคนอื่น แต่เค้าเป็นเฉพาะกับเรา มาย้อนดูก็เออ เราเคยทำแบบนี้จริงด้วย) เมื่อถึงเวลานั้น กรรมใหม่ๆดีๆที่เราพูดเพราะๆก็จะออกดอกออกผลตามมา :)
บอกวิธีแก้ทุกข์เพิ่มอีกอย่างก็คือ
ลองสังเกตตนเองดูนะคะ หลายครั้งเรื่องราวเก่าๆที่ไม่ดี มันผ่านไปแล้ว แต่เราก็ยังเอามาทุกข์ซ้ำซากได้อีก ลองสังเกตดูดีๆ คนที่เอามาคิดคือเรา คนที่ทำร้ายตนเองคือเรา “สิ่งที่ทำร้ายเราคือความคิดของเรา” เหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายมันก็มาจากความคิดของเราตัวนี้ ถ้าเรารู้ทันมันบ่อยๆ มันก็ไม่มีเชื้อให้เราเอามาเผาตัวเองซ้ำซาก นี่เป็นประโยชน์ของการเรียนรู้หัดภาวนาที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ความทุกข์เกิดจากกรรมเก่าของเรา เหตุเกิดขึ้นแล้วจึงมีผล จริงๆที่เราสั่งให้มันหายไม่ได้ก็เพราะมันไม่ใช่ของเรา แต่เรากลับเชื่อว่าความทุกข์มันเป็นของเรา เราจึงต้องทุกข์และทุกข์ไปเรื่อยๆ ที่จริงพระพุทธเจ้าก็ทรงสอนนะว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องดับไปเอง ความคิดที่ทำให้ทุกข์ซ้ำซาก หากเรารู้ทันบ่อยๆ ไม่ไปคิดต่อเติม มันก็จะดับไปเองของมันอยู่แล้ว ฝึกรู้ทันได้แบบนี้บ่อยๆ ไม่ต้องเสียเวลาไปดับทุกข์ข้างนอกให้เหนื่อยเลย
หายทุกข์ได้เดี๋ยวนั้น :)
เหตุของไฟอยู่ที่ใจนี้เอง