พัฒนาการของความรัก


เพราะความรักไม่มีฉลากบอกว่ามันเป็นอย่างไรเราจึงต้องเรียนรู้กันเอง

เริ่มแรก เข้าใจว่ารักคือการได้ความรัก มีคนดูแล เป็นที่พักใจเป็นที่พึ่ง

ต่อมา เริ่มเข้าใจไปว่าความรักคือการให้ ได้ดูแล รักเขาดีๆ รักยังไง

แบบที่สองเหมือนจะดีกว่าแบบแรก แต่สุดท้ายถ้ามองไม่เห็นรากของความทุกข์และปัญหาทั้งหมดจริงๆว่ามันมาจาก "ความเหงา" เราจะต้องเสียใจไปเรื่อยๆ

เพราะการอยากมีความรักที่ดี หรือยึดกับเขามาก (แบบแรกยึดกับตัวเองมาก) ก็เพราะยังเหงานะ ยังเป็นการทำเพื่อหวังอะไร ยังมีทุกข์ได้อยู่เรื่อยๆ เมื่อไม่ได้ให้ เมื่อไม่ได้ดูแล เมื่อต้องจากกัน

 

รักแท้ไม่มีคำว่า เพื่ออะไรเลย

ไม่ได้แปลว่า ไม่ต้องการให้นะ แต่มันไม่มี "ความอยาก" ให้ มากมาย แค่มีความ"พร้อม" ที่จะให้คนอื่นได้เสมอ

ใจที่รักเป็นแล้ว มันเป็นอัตโนมัติของมัน ไม่ต้องอาศัยความอยาก

ความอยาก มันมาคู่กับ อัตตา (ความเห็นของฉัน) ซึ่งก็เป็นไปตามกรรม

จะอยากรักใคร ไม่ว่าผลจะออกมาด้วยดีหรือด้วยร้าย ที่มาคือ อยากรัก "คนนี้" เพราะกรรมทั้งนั้น กรรมที่เราเคยทำเลือกคนรักไว้ให้เราแล้ว (ใครมาใหม่ยังไม่เข้าใจเรื่องกรรมกับความรัก ลองอ่านหนังสือ เหตุเกิดจากความรัก ได้ที่ www.sangtean.com/love/reading )

กรรมจะให้เหยื่อมา เพื่อให้เราทุกข์ไปตามกรรม ซึ่งส่วนใหญ่ เหยื่อนั้นก็คือ "ความอยากมีความรักที่ดีนั่นแหละ" (ไม่ว่านิยามคำว่า ดี ของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร)

ความอยากเป็นตัวนำเราไปสู่หลุมกรรมที่เราขุดไว้

รักของเราส่วนใหญ่จึงไม่ใช่รักที่บริสุทธิ์แบบที่จะไม่นำทุกข์มาให้ เพราะมันมีที่มาให้เรายึดใครจากกรรมมากกว่า 

อย่างน้อยมีพื้นเข้าใจความรักได้ดี รู้ว่าเราติดเพราะอะไร จะได้ไม่หลงหลุมลึกไปกว่าเดิม จะได้รู้จักวิธีมีความรักเพื่อความพ้นทุกข์ มีคนรักก็มีแบบที่จะช่วยกันพัฒนาจนเห็นทุกอย่างตามจริง พ้นทุกข์ยิ่งขึ้น ตลอดไป

ไม่ได้มีคนที่เรารักเป็นเป้าหมาย ถ้าเราจะยึดคนนี้ จะสุขทุกข์เราก็ต้องยอมรับ และการยึดที่สิ่งภายนอกเป็นความไม่แน่นอน เรายึดเขาตามกรรมตั้งต้น เป็นเราเองที่เลือกจะยึดต่อหรือไม่ แต่อย่าลืมว่าทุกคนก็มีกรรมของตนเอง เขาก็มีกรรมเป็นของตนเอง เขาก็แปรเปลี่ยนได้ตามกรรมของเราและของเขา รักเพื่อสุขสลับทุกข์แบบนี้ ใครๆก็เป็นกัน ไม่เกิดประโยชน์อะไร ได้อะไรมาก็เสียไปหมด ไม่เกิดปัญญาทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น เป็นการเดินทางที่เข้าลูปเดิมซ้ำๆเท่านั้น

ไม่ได้มีความรักเป็นเป้าหมาย แต่มีความรักเป็นส่วนประกอบ ส่วนเสริมที่จะไปถึงเป้าหมายคือ ความพ้นทุกข์

ถ้ามีเป้าหมายเป็นการมีความรักที่ดี ต้องมีความทุกข์แน่ แต่ถ้ามีเป้าหมายเป็นการพ้นทุกข์ เราจะรู้จักสำรวจสังเกตว่าสิ่งใดเป็นเหตุแห่งทุกข์ แม้ในเรื่องความรัก ก็รู้จักสังเกตว่ามันสอดคล้องกับเป้าหมายของเราไหม รักแบบไหนเป็นทุกข์ รักแบบไหนเป็นสุข รักแบบนี้ มีความก้าวหน้า

พอเห็นรากของปัญหาจริงๆว่าเกิดจากความอยากมีตัวตน เราจะไม่ได้รักแบบอยากได้รับ หรืออยากให้ แต่ก็ไม่ใช่ไม่อยากทำอะไรเลยนะ แต่มันคือความรักด้วยความเป็นกลาง ไม่ได้อยากรับเพื่อตัวฉัน ไม่ได้อยากให้เพื่อให้สมอยากฉัน ไม่มีฉันจึงไม่มีตัวตนผู้รับความทุกข์ ความรักก็เลยไม่มีเงื่อนไข 

ได้รับหรือไม่ได้รับ ได้ให้หรือไม่ได้ให้  ก็ไม่ได้ทำให้สุขหรือทุกข์ในใจเรากระเพื่อม เพราะไม่มีการยึดในความเห็นว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถึงโอกาสรับก็รับ มีโอกาสให้ก็ให้

ภาษาครูบาอาจารย์ญ ท่านบอกว่า รักแท้เหมือนธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ใครอยู่ใกล้ก็สัมผัสถึงความสุขได้ เค้าก็ไม่ได้เลือกให้ความสุขใคร ว่าคนนี้คนปลูกฉัน ฉันให้ความสุขและร่มเย็นมากกว่า 

ค่อยๆพัฒนาจิตใจให้เข้าถึงความรักด้วยความเป็นกลาง เมื่อสร้างเหตุที่ดี คือ จิตใจดี คิดดี พูดดี ทำดี ถ้ามีคนรัก เราก็รู้จักรักอย่างไม่ทุกข์ได้

~~~~~~~~~~~~~~

แถมท้าย โน้ตที่เขียนไว้เมื่อวาน 

รักเพื่อความพ้นทุกข์ คือรักแบบรู้จักเข้าใจธรรมะ 

คนที่เข้าใจธรรมะ จะไม่ทุกข์เรื่องความรักแบบคนอื่น เพราะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงในตัวมันเองอยู่แล้ว

เขารู้ว่าความยึดเป็นเหตุแห่งทุกข์ รักแบบนี้ยังไงก็ทุกข์ จึงพัฒนาตัวเองให้เข้าใจความรักแบบไม่ยึด 

เพราะจุดหมายคือการพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ยังไงคนเราก็ต้องจากกัน จะไม่ได้อยากเจอเพื่อพบแล้วจากซ้ำซาก ให้ทุกข์ซ้ำๆ แต่พัฒนาแบบให้เราโตขึ้นทุกวัน คนรักเราก็โตขึ้นทุกวัน ต่างคนต่างพึ่งตัวเองได้ และยอมให้อีกฝ่ายทิ้งเราได้ เพราะที่สุดในทางธรรมแล้ว ถ้ายังยึด ก็ต้องมีตัวตนให้ต้องเสวยภพชาติ พบทุกต่างๆนานาไม่มีที่สิ้นสุด

ถ้าเรารักใครจริงๆ เราไม่อยากให้เขาห่วงเราหรอก เพราะห่วงมันเป็นบ่วงดึงคนที่เรารัก


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.