คุณค่าของความรัก รักโดยไม่ต้องทุกข์มีไหม
ไม่ว่าเราจะอกหักด้วยเหตุผลอะไร
แท้ที่จริงเหตุแห่งทุกข์นั้นเริ่มอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เราเริ่มตกหลุมรัก
ความจริงใครๆก็รู้ว่า เราต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นธรรมดาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่เรียนรู้ก่อนเริ่มจะรัก ต้องรอให้เจอข้อสอบภาคบังคับแล้วจึงนึกขึ้นได้
ความไม่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ทำให้เราหลงรักอย่างประมาท
เมื่อมีสุขก็เคลิบเคลิ้ม ได้ความสุขแล้วก็อยากได้ความสุขนั้นอีกมาก ๆ
ความรักของคนส่วนใหญ่จึงมีไว้เตรียมรอรับความทุกข์
หรือบางคนตระหนักแล้ว แต่ก็ยังทุกข์อีก
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีน้องเขียนมาถามว่า รู้ว่าความคาดหวังเป็นทุกข์ แต่ก็ยังเผลอไปในบางที ควรทำอย่างไร
หญิงตอบไปว่า เป็นธรรมดาที่คนเราอยู่ใกล้อะไรแล้วรู้สึกดี มีความสุข ก็จะเกิดอาการยึดและอยากครอบครองสิ่งนั้น แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า “สิ่งทั้งหลายที่เข้าไปยึดเป็นตัวตน ที่จะไม่ก่อทุกข์ หาไม่ได้ในโลกนี้”
หญิงไม่เห็นวิธีใดที่จะช่วยให้เราเข้าใจความรักที่แท้จริงได้เท่ากับการภาวนาเลยค่ะ
การภาวนาเป็นเรื่องของการพัฒนาจิตใจ
การภาวนาจะช่วยอบรมจิตให้เห็นความจริงของขันธ์ 5 (ขันธ์ 5 หมายถึง กาย ความรู้สึกสุขทุกข์เฉย ความจำ ความคิดการปรุงแต่ง การรับรู้(ได้ยิน ได้เห็น ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส) ว่าสิ่งเหล่านี้ แปรเปลี่ยน และเราสั่งบังคับมันไม่ได้ ไม่ใช่ตัวเรา เมื่อจิตเข้าใจมากขึ้น ก็จะคลายความยึดมั่นถือมั่น
คนเราจะคาดหวังคนอื่น มันเริ่มจากการคาดหวังตัวเองก่อน
เช่น กายเราที่เหมือนว่าเราจะสั่งได้ ที่จริงมันจะป่วยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และทุกคนต้องแก่ลงทุกวัน
ความคิดความปรุงแต่ง ความจำ ความรู้สึก การรับรู้ได้ยิน ได้ฟัง บางเรื่องเราไม่ได้อยากคิด อยากรู้สึก อยากรับ มันก็เป็นไปเอง
ทั้งหมดแสดงความเป็นอนัตตา ก็เลยทำให้เห็นว่า ความสุขที่เราอยากครอบครองที่จริงไม่มี
สุขทางโลกคือการได้ แต่ได้มาแล้วก็มีเสีย เป็นทุกข์
แต่สุขทางธรรมเป็นคนละขั้ว สุขทางธรรมคือการพ้นจากเหตุแห่งทุกข์ ไม่ได้ยึดความมี ความเป็น
ดังนั้นแนะนำว่า รักได้ ปรารถนาดีได้ แต่ในขณะเดียวกัน ต้องรักตนเอง ด้วยการฝึกภาวนาไปด้วย แล้วความรักนั้นจะไม่มีเงื่อนไข และต่อให้ใครเปลี่ยนไปก็ไม่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกเรา
และถ้าคนที่เข้ามาคือคนที่ใช่ เค้าก็จะต้องอยากก้าวหน้าทางด้านจิตใจด้วยตนเองเหมือนกัน
คู่ที่จะเดินไปด้วยกันจริง ๆ อย่างไรก็ต่างคนต่างเดิน แต่ที่เหมือนเดินไปด้วยกัน เพราะมีจุดหมายเดียวกัน และเดินทางเดียวกัน
ถ้ามีคู่ จะดีกว่าไหมถ้าเราจะรักแบบที่ร่วมกันพัฒนาไปสู่ความพ้นทุกข์ คือการร่วมสร้างความเข้าใจ ให้เราและคนรักได้เห็นตามจริง
แชร์ความรัก กำลังใจ ร่วมกันสนับสนุน ให้อีกฝ่ายพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น โตขึ้น แบบที่ไม่มีกันและกันก็ยังอยู่ได้
มีบุญเป็นสมบัติดูแล มีปัญญาเข้าใจในธรรมเป็นรถพาไปถึงจุดหมายที่มีวันสิ้นสุด ไม่ต้องเกิดตายอย่างไร้จุดหมายเรื่อยไป
รักเพื่อส่งเสริมกันให้เติบโตทางจิตวิญญาณร่วมกัน ในขณะที่เรายังมีเวลาร่วมกันอยู่
ใครว่าความรักทำให้คนตาบอด ถ้าพร้อมจะรักอย่างถูกวิธี ความรักนี่แหละที่จะพาให้ใจทั้งสองตื่นรู้ และเป็นแสงสว่างนำทางไปสู่ความเจริญยิ่งๆขึ้น
จะคบนาน คบสั้นไม่สำคัญ
จะคบกันแล้วมีความสุขแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เท่ากับคบกันแล้ว เราและคนรักมีปัญญาทางด้านจิตใจเพิ่มขึ้นหรือไม่
นี่คือคุณค่าและสาระของความรัก