คนที่ไม่ใช่
การเลือกรักใครนั้นสำคัญพอๆกับการที่เราเลือกว่าจะแสดงความรักอย่างไร ถ้าขืนเรารักคนผิดเสียแล้ว ต่อให้รักอย่างถูกวิธีก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา จำที่ญเคยบอกได้ใช่ไหมคะ ความรักเป็นเรื่องของคนๆเดียวได้ แต่ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของคนสองคน
คนที่ใช่คือคนที่เหมาะสมกับเรา ไม่มีความแตกต่างในเรื่องทัศนคติ ความคิด ความฉลาด ฐานะ และอื่นๆมากนัก ตัววัดง่ายที่สุดคือคุยกันรู้เรื่อง คุยแล้วสบายใจ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าคู่หรือคนที่ใช่คือคนที่มาร่วมชีวิต ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกัน แล้วจะร่วมแก้ปัญหาและเดินไปข้างหน้าอย่างไร ถ้าคุยแล้วไม่สบายใจ ไม่มีความสุข แล้วจะมีชีวิตคู่ไปทำไม อยู่คนเดียวไม่ดีกว่าหรือ?
ได้อ่านหนังสือจิตวิทยาความรักเล่มหนึ่งของดร.บาร์บารา เดอ แองเจลลิส ที่เขียนเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่ทำให้เรามีความรักที่ไม่เป็นสุขสักที เอามาสรุปสั้นๆให้อ่านกัน
๑ มีแฟนเพราะความกดดัน (เรื่องอายุ จากครอบครัว เพื่อน เช่น ถึงเวลาต้องมี หรือใครๆก็มีกัน) แทนที่จะมีเพราะเจอคนที่ใช่
เชื่อว่าต้องมีชีวิตจึงจะสมบูรณ์ ถ้าไม่มีแปลว่าคุณผิดปกติ หรือแย่ ไม่ดี ไม่มีคุณค่า (มีพี่สาวคนหนึ่งเคยบอกว่า เราไม่ใช่สินค้าในเซเว่นให้คนมาเลือกซื้อ ให้คนอื่นมาติดป้ายบอกว่าเรามีค่ามีราคาแค่ไหนนะ)
เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้ตัวว่า เราเองนั่นแหละที่จะต้องผิดหวังเพราะไม่ยอมฟังเสียงหัวใจตนเอง เราทำตามในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าดีที่สุดสำหรับเรา แทนที่จะทำในสิ่งที่เรารู้ว่ามันดีที่สุดกับตัวเรา (ใครยังหาไม่เจอว่าทำอะไรแล้วดี ก็หาให้เจอนะ แต่ถ้าที่ทำอยู่ ทำแล้วไม่รู้สึกดี อย่างน้อยตัดออกจากช๊อยส์ได้หนึ่งล่ะ)
๒ มีแฟนเพราะเหงา แทนที่จะมีเมื่อพบคนที่ใช่แล้ว
การเลือกคบใครเพื่อฆ่าเวลา เป็นการฆ่าเวลาที่เราจะได้พบเจอคนที่ใช่ จำไว้ว่าเมื่อได้อย่างหนึ่งจะต้องเสียอย่างหนึ่งไปเสมอ ในที่นี้คือเสียเวลาที่เราจะมีความสุขที่แท้จริงกับคนที่ใช่ บางทีเค้าอาจเดินผ่านมาตอนที่เราหันไปหาคนข้างๆ(ที่คบไว้แก้เหงา) เขาอาจจะผ่านไปแล้วไปเลยก็ได้
ช่างเลือกให้มากอีกนิด อย่าลดหย่อนมาตรฐานของตัวเองเพราะคิดว่าเป็นช่วงขาดแคลนความรัก เราไม่ใช่ร้านค้าที่ต้องโล๊ะของเก่าๆไปเลหลัง เรามีค่า คู่ควรกับชีวิตรักที่ดีดังปรารถนา ไม่ใช่แบบไหนก็ได้ตามมีตามเกิด
๓ มีแฟนเพราะความต้องการทางเพศ ทางกาย แทนที่จะมีเมื่อพบคนที่ใช่ที่เข้าใจกัน
ถึงแม้จะมีเซ็กส์ที่เข้ากันได้ มันก็ไม่ได้แปลว่าคุณรักกันมาก และถึงแม้จะมีเซ็กส์ที่เข้ากันไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ได้รักกัน และเซ็กส์ไม่เคยแลกความรักได้ ความรักมีค่ามากกว่าการเป็นแค่เครื่องดื่มดับกระหาย
๔ หนีชีวิตตัวเอง เพราะมีปัญหาหลายอย่าง ไม่กล้ายอมรับความจริง แทนที่จะมีเมื่อพบคนที่ใช่
คนบางคนมีปัญหาในชีวิต แต่ก็ไม่รู้จะแก้มันอย่างไร เขามีแฟนเพียงเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่แห้งแล้ง ไร้จุดหมาย แต่แทนที่เขาจะพยายามค้นหาคำตอบว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น หรือแก้ปัญหาตัวเองให้ได้ เขากับหนีไปหาปัญหาอื่น(คือเลือกอยู่กับคนที่ไม่ใช่) และเชิดชูเขาเป็นเป้าหมายของชีวิต ซึ่งนั่นไม่ได้เกี่ยวกับความรักเลย
เมื่อเราจัดการกับปัญหาตัวเองได้แล้ว จึงจะสามารถตัดสินใจเลือกคนที่ใช่ได้อย่างไม่มีเงื่อนไขส่วนเกินมาแอบแฝง (คนที่ใช่คือคนที่เหมาะ)
๕ มีแฟนเพราะอยากเป็นเด็ก อยากมีที่พึ่ง มากกว่าเพราะเจอคนที่ใช่แล้ว
คนที่เหมาะสมกับคนที่เป็นที่พึ่งนั้นไม่ได้เป็นคนๆดียวกันเสมอไป ถ้าเรามีแฟนเพราะอยากมีที่พึ่ง อันนั้นคือความรักตนเอง ปัญหาที่จะเกิดตามมาคืออีกฝ่ายจะรู้สึกมีภาระ เพราะแต่คนมีปัญหาส่วนตัวในชีวิตด้วยกันทุกคน คนที่จะเป็นคู่กัน ต้องสามารถผลัดกันให้ผลัดกันรับ เกื้อกูลกันได้ และแน่นอน อยากเกื้อกูลกัน(เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่คนๆเดียว)
เคยคร่ำครวญประโยคนี้ไหม “เขาคือชีวิตจิตใจของฉัน ไม่มีเขาแล้ว ฉันจะอยู่ยังไง ฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขาเลิก”
ถ้าเคย จงรู้ตัวไว้ว่า คุณไม่ได้ทำทุกอย่างเพราะรักเขาหรอก คุณทำทุกอย่างเพราะรักตนเอง เป็นเพราะคุณไม่โตพอที่จะดูแลตนเอง
๖ มีแฟนเพราะรู้สึกผิด คิดว่าอยู่ในภาวะจำเป็นมากกว่าเพราะรักและเจอคนที่ใช่
ตัวอย่างเช่น จำยอมต้องเป็นแฟนกับใคร หรือไม่กล้าเลิกกับใครเพราะกลัวจะทำร้ายจิตใจเขา
ถ้าใช่แปลว่าเรากำลังทนมีความสัมพันธ์ ไม่ใช่เพราะอยากอยู่ด้วยกันจริงๆ วิธีตรวจสอบว่าคุณมีแนวโน้มจะอยู่ในกลุ่มถูกความรู้สึกผิดครอบงำหรือเปล่าเช่น รู้สึกลำบากใจที่จะต้องปฏิเสธคำขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น โตมาในครอบครัวที่มีปัญหาไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคุณ(คุณรู้สึกแย่ แล้วก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกแย่แบบนั้น) ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร กลัวการทำร้ายความรู้สึกผู้อื่น เก็บความรู้สึก
ปัญหาที่จะตามมาคือ เราจะติดบ่วงตนเอง เพราะจะดึงดูดเจอแต่คนที่อ่อนแอ ต้องการที่พี่ง มากกว่าที่จะเจอคนที่เดินไปพร้อมกันๆ มันเท่ากับคุณต้องลากกระสอบใส่หินหนักๆไปด้วย แล้วคิดว่ามันคุ้มไหมล่ะ กับการที่จะได้เดินไปยังเป้าหมายในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆอย่างมีความสุขกับคนที่ยิ้มให้เราได้ ผลัดกันปาดเหงื่อขึ้นเขาได้
เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับใครเพียงเพราะรู้สึกผิดไม่ใช่เพราะรัก เรากำลังทำร้ายทั้งตัวเองและเขาคนนั้น( เขาจะเดินด้วยตนเองไม่ได้ ไปตลอดกาล)
๗ มีแฟนเพราะต้องการคนมาเติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิต แทนที่จะมีเพราะเจอคนที่ใช่
ความกระสับกระส่าย ทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัด เราหวังให้มีคนมาเติมเต็มในสิ่งที่เราควรเป็นฝ่ายทำด้วยตนเอง การมองคนรักประหนึ่งผู้มาโปรดให้คุณรอดพ้นจากความโหวงเหวงนั้นผิดพลาดมหันต์ เพราะมีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยตนเองได้ เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่คนที่รักเราจะไม่มาทำให้เรารู้สึกเคว้งคว้างหนักขึ้นไปอีก และรักสามารถรักในแบบที่ทำให้เราสามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ แต่ในท้านที่สุด เราต้องเป็นคนเลือกลงมือทำด้วยตนเอง
ลักษณะของคนประเภทนี้เช่น ไม่มีเป้าหมายในชีวิต มีปัญหาในการมีเวลาว่าง ไม่รู้จะทำอะไร ชอบเปรียบเทียบความสุขของตนเองกับคนอื่นแทนที่จะรู้จุดยืนของตนเอง
ถ้าเราเห็นตนเองไม่ชัด ไม่รู้ว่าตนเองมีคุณค่าอย่างไร หรือหนักกว่านั้นเห็นว่าตนเองไม่มีคุณค่า ทุกการกระทำที่แสดงออกก็จะแสดงมาในลักษณะเทิดทูนคนอื่น ตัวเองไม่ดี เราผิดทั้งหมด เมื่อเราไม่เห็นค่าตนเอง ทำตนเองให้หมดคุณค่า คนอื่นก็จะไม่เห็นค่าของเราเช่นกัน แล้วชีวิตก็จะวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ยิ่งเราขาดความรักและพบเจอความเจ็บปวดมามาก เราก็จะยิ่งสะสมความว่างเปล่าทางจิตวิญญาณ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ที่คนที่รู้สึกหิวกระหาย ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หาข้าวกินเองไม่เป็น จะสามารถแบ่งปันความรักที่เป็นความสุขให้ใครต่อใคร ดังนั้นทางแก้คือการรักตนเองให้เป็น สร้างความสุขให้ตัวเองเป็นแล้ว ก็นำความสุขนั้นไปให้กับคนที่เรารัก รู้จักตนเอง รู้ว่าตนเองต้องการอะไร อะไรเป็นเป้าหมายในชีวิต อะไรคือสิ่งที่สำคัญ เลือกคนที่ใช่ด้วยความเข้าใจตนเองว่าคนเช่นไรที่เหมาะกับเรา ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่า เมื่อแรกเจอ รอยยิ้มเธอดูแสนหวานชวนฝัน เขาคนนี้คือคนที่ใช่เพราะบ้านรวยสามารถให้ความมั่นคงในชีวิตได้ และอื่นๆซึ่งไม่เกี่ยวกับความรู้สึกทางใจเลยสักนิด จำไว้ว่าเราต้องการความสุขทางใจ เพื่อให้มีแรงเดินก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อสับสนไปเรื่อยๆ
สุดท้ายการเลือกด้วยเหตุผลที่ถูก ตอบอย่างชัดๆก่อนคือ ตัดเหตุผลผิดๆตามที่ได้กล่าวมาแล้วออกไป หนังสือสรุปไว้ว่า รักด้วยเหตุผลที่ถูกคือ เข้าใจเหตุผลดีๆเสียใหม่ว่า การมีคนรักที่จะร่วมเดินกันไปอย่างเป็นสุขทั้งสองคนได้นั้น มันเกิดจากการที่คนสองคนเพียบพร้อมในความรู้สึกดีต่อตนเอง มีความสุขที่เอ่อล้นมากพอจะแบ่งความสุขนั้นให้อีกฝ่าย(ทั้งสองฝ่าย) ปราศจากความหิวกระหาย เรียกร้อง อันทำให้ความสัมพันธ์มีเงื่อนไข
และเราพร้อมที่จะเรียนรู้และเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผ่านทางคนรัก ผู้เปรียบเสมือนกระจกเงาที่ซื่อสัตย์และจริงใจ บอกแต่ความจริงที่เราก็สามารถรับฟัง เพราะความสัมพันธ์ที่ดีย่อมไม่ใช่การยึดติดแต่เป็นการพัฒนาการที่ต่อเนื่อง เราไม่ได้เที่ยวไขว่คว้าหาความสัมพันธ์มาครอบครอง แต่ตระหนักว่าความสัมพันธ์นั้นมีผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างมาก หากทั้งสองไม่พร้อมจะเรียนรู้ความเข้าใจตนเอง แต่ละฝ่ายและความจริงซึ่งมีความรักเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทแล้วล่ะก็ เราหรืออีกฝ่ายจะแสดงออกมาด้วยการต่อต้านความสัมพันธ์บ้าง ไม่พอใจคนรักบ้าง ไม่พอใจตนเองบ้าง ไม่มีใครจะสะท้อนความเป็นตัวของเรา ข้อเสีย ทิฏฐิ ข้อจำกัดต่างๆของเราได้ดีที่สุดเท่ากับคนที่เรายอมเปิดใจและอยากปรับเปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตเราและเขาดีขึ้นอีกแล้ว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นกระจกเล็กๆที่ส่องให้เห็นแม้สิวเม็ดเล็กๆที่คอยกวนใจเราอยู่นะคะ ถ้าเห็นแล้วก็รักษาให้ถูกจุดเสีย:)
ป.ล. สุดท้ายสิ่งทั้งหลายอยู่ใต้กฎแห่งกรรมค่ะ สิ่งที่เราทำ มาจากใจที่เราตั้งไว้ กรรมนั้นเองที่จองจำเรา กรรมนั้นเองที่ปิดใจเรา กรรมนั้นเองที่บันดาลความรู้สึกให้มาบดบังเหตุผลอันสมควรต่างๆ ดังนั้น อยากมีความรักที่ดี เริ่มต้นจากใจดีๆนะคะ คำสอนของพระพุทธองค์เรื่องทาน ศสีล ภาวนาช่วยขัดเกลาใจเราได้ค่ะ :)