เรียนรู้ความรัก
ตอนนี้กำลังเริ่มโปรเจคซีดีรวมธรรมกับความรักอยู่ค่ะ อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะเอามารวมด้วย บอกเล่าเนื้อหาจากประสบการณ์ที่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน:)
ญ: อันนี้น่าสนใจนะคะ น้องๆแต่ละคนเนี่ย เวลาคบแฟนแต่ละคนเนี่ย ได้ถามตัวเองรึปล่าวว่าเราได้เรียนรู้อะไร คือบางคนอาจจะ ไม่ต้องการมีแฟนเพราะต้องการมีความสุขไปวันๆ คือมันต้องคิดถึงอนาคต คือคอร์สนี้เนี่ยเราต้องการบอกน้องถึงวิธีการมีความรักที่มีความสุข เลือกคนที่ใช่ที่จะอยู่กับเราได้ตลอดไป นานๆ เพราะฉะนั้นเนี่ย ก็สำคัญที่ว่า น้องคบแฟนแต่ละคนเนี่ย น้องได้เรียนรู้อะไร เพื่อที่จะ อาจจะเป็นวิธีการในการคบคนต่อไปว่าคนแบบนี้ นำความเดือดร้อนมาให้ คบแล้วไม่มีความสุข คนต่อไปเราก็ไม่เลือกแบบนี้ อย่างนี้ใช่มั๊ยค่ะ
อย่างงี้น้องไอด้า มีแฟนมา 7 คนถือว่าไม่เสียปล่าวน่ะค่ะ ก็ได้เรียนรู้อะไรทีเราไปทำให้ตัวเองเนี่ยเลือกคนที่เหมาะสมขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณมากน่ะค่ะ ที่นี่มาถามพี่โจ้บ้างดีกว่า พี่โจ้มีแฟนมาแล้ว 5 คน พี่โจเรียนรู้เส้นทางนี้ได้ยังไง ต้องบอกก่อนน่ะค่ะว่าปัจจุบันเนี่ยคือพี่โจ้ก็มีแฟนน่ารัก สวย เป็นคุณหมอ เป็นไงบ้างค่ะชีวิตคู่
พี่โจ้: แฮปปี้มาก คืออย่างที่เกริ่นในตอนต้นน่ะครับ คือเป็นคนที่ แค่นึกถึงก็มีความสุขแล้ว แล้วก็เราพร้อมจะทำอะไรให้เค้าได้อย่างเต็มอกเต็มใจ ไม่มีการต้องฝืน ต้องเปลี่ยนตัวเอง ยกตัวอย่างในวาระที่เราเหนื่อยมากที่สุดแล้วเนี่ย แล้วเรารู้ว่าเค้ากำลังลำบากเดือดร้อนเนี่ย บางที่เราเหนื่อยหมดแรงหลับไปแล้วเนี่ย ถ้ารู้ว่าเค้าเดือดร้อนปุ๊บเนี่ยมันจะกระเด้งขึ้นมาแล้วก็ไปทำอย่างเต็มอกเต็มใจ โดยไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นภาระใดๆเลย อันเนี่ยครับที่อยากให้น้องทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้
ญ: อยากให้พี่โจ้เล่าเรื่องตัวเองนิดนึงค่ะ พี่โจ้มาเจอคนที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่สร้างทุกข์เนี่ย ได้ยังไง เริ่มยังไง ตั้งแต่แรกเลย มีเรื่องอธิษฐาน ไปขอศาลพระภูมิ ได้มั๊ย เล่านิดนึงว่ามายังไง หรือว่าพัฒนาตัวเองมายังไง ถึงมาเจอคนนี้ได้ค่ะ
พี่โจ้: เรื่องอาจฟังดูแปลกนิดหน่อยน่ะครับ แต่เป็นหนทางที่เดินมา แล้วก็มาถึงตรงนี้จริงๆน่ะครับ คือพี่เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานจิตน่ะครับ คือเพียงแค่เราพยายามทำใจให้สงบในช่วงเวลาสั้นๆเอง เป็นเรื่องง่ายๆ ใช้เวลาแค่สองสามนาทีเท่านั้นเองน่ะครับ คือเริ่มจากการดูลมหายใจ อย่างที่บอกน้องไปเมื่อก่อนหน้านี้น่ะครับ จนกระทั่งใจเรารู้สึกนิ่งพอสมควรแล้ว เราก็เหมือนกับว่าเราเป็นเครื่องส่งที่แรงที่สุดแล้วเราประกาศออกไปทั่วทั้งจักรวาลเลยว่า เราต้องการจะมีคู่ที่เหมาะสมกับเรา เหมาะสมกับตัวเรา คือเบื่อการไปตระเวนหาน่ะครับ ไม่อยากจะวิ่งหาว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา คืออธิษฐานว่าเราต้องการเจอเนื้อคู่ที่เหมาะสม แล้วก็เจริญเติบโต เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกันกับเรา ไม่อยากจะไปวิ่งหาแล้ว
ญ: อันนี้น้องๆในห้องลองทำตามกันได้น่ะค่ะ มีใครสนใจอยากจะลองเทสร่วมกันกับเพื่อนๆตรงนี้มั๊ยค่ะ เคยได้ยินมั๊ยค่ะ ว่าจิตของคนเราเนี่ยมีพลังในตัวเอง การที่เราอธิษฐานเนี่ยเป็นการกำหนดเป้าหมายให้กับใจของตัวเองที่จะเดินไปถึงตรงนั้นได้ น้องๆในที่นี้สนใจจะร่วมกันอธิษฐานมั๊ยค่ะ มีใครไม่อยากมีแฟนดีๆบ้าง มีใครอยากมีแฟนดีๆบ้างค่ะ ถ้าอย่างงั้นรบกวน ไหนๆก้มีน้องๆบางท่านที่อยากมีแฟนที่ดี ก็เพื่อนๆช่วยกันหน่อย ถ้าไม่อยากมีก็อยู่ในความสงบ สักกี่วิดีค่ะ
พี่โจ้: เราแค่ครึ่งนาทีก็พอ
ญ: สักแค่ครึ่งนาที น่ะค่ะ หลับตา แล้วก็น้องๆคนไหนอยากที่จะมีแฟนที่ดี ก็อธิษฐานไว้ในใจ สักครึ่งนาที ขอความเงียบสักครึ่งนาที ให้เพื่อนของเรา หายใจเข้า หายใจออก
พี่โจ้: พอใจเรานิ่งแล้ว เราแค่บอกตัวเองเท่านั้นน่ะครับ ว่าขอคู่ เนื้อคู่ที่เหมาะสม เจริญเติบโตไปพร้อมๆกันกับเรา แน่นอนคำอธิษฐานนี้เราได้ยินเป็นคนแรกน่ะครับ และการทีเราตั้งเป้ากับตัวเองไว้แบบนี้น่ะครับ ในที่สุดจะนำมาซึ่งงาน คำว่างานก็คือเราจะได้ไปเจอคนที่มีความทุกข์เรื่องความรัก แล้วก้จะได้มีโอกาสได้ช่วยเค้าน่ะครับ
เริ่มจากเล็กๆน้อยๆ ซึ่งนี่คือเส้นทางที่เดินมาน่ะครับ หลังจากเราได้เริ่มช่วยคนโดยไม่ได้หวังผลอะไรจากเค้าเลยเนี่ยน่ะครับ ในช่วงเวลาหนึ่งเนี่ย หลังจากทำงานสำเร็จแล้ว พอเห็นคนที่เราไปช่วยมีความสุข พ้นจากความทุกข์เรื่องความรักไปแล้วเนี่ย ที่เราละเปลาะๆ 2 คน, 3 คน, 4 คน ถึงจุดนึง ทั้งหมดนี้คือการทำบุญน่ะครับ แล้วบุญเหล่านั้น พอเราเห็นเค้าดีขึ้นเนี่ย ใจที่เบิกบานเผื่อเค้าเนี่ย เบื้องต้นจะทำให้เรามีเสน่ห์มากขึ้นน่ะครับ อันนี้คือเรื่องจริงเลยน่ะครับ เราจะเริ่มมีเสน่ห์มากขึ้น จะมีคนเข้ามาในชีวิตเรา
แล้วเราจะค่อยๆ เรียนรู้ไปเป็นขั้นๆ แล้วคนที่เข้ามาเนี่ย มักจะเป็นคนที่ชอบเรื่องการเปลี่ยนแปลง เรื่องการเจริญเติบโต คือพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่มาคบกันแล้วก็มีความสุขระยะสั้นชั่วคราวแล้วก็จากกันไป แต่เป็นคนที่เรียนรู้ด้วยกัน มีอะไรก็มาแชร์กันน่ะครับ ยกตัวอย่างเช่น เวลาทะเลาะกัน สมมุติว่าเราเข้าใจไม่ตรงกัน พอทะเลาะปุ๊บ โอเคอาจจะงอนกันอยู่ 1 วัน แต่พอมาเจอกัน แทนที่จะมาเกี่ยงกันว่าชั้นถูก เธอผิด หรือว่าต้องทำให้อีกข้างนึงให้ผิด ให้ยอมให้ได้เนี่ย มันจะกลายเป็นการที่กลับมาเล่าสู่กันฟังว่าไปคิดอะไรมา ตอนที่งอนกันรู้สึกยังไง แล้วก็มาสารภาพ มาเปิดใจหากัน
ดังนั้นการที่เราเห็นไม่ตรงกันในแต่ละครั้งเนี่ยจะกลายเป็นการที่คนสองคนมาเรียนรู้กันและกันน่ะครับ พัฒนาความเข้ากันได้ให้มากขึ้นไป พัฒนาแม้กระทั่งความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางดีขึ้น ดังนั้นที่เราจะเจอคนที่ช่วยให้เราดีขึ้น นิสัยเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้นด้วย ดีขึ้นยิ่งๆขึ้นไป ถึงจุดนึงที่แม้จะเลิกกันไปแล้ว แยกกันไปแล้ว อย่างที่พี่บอกว่าพี่มีแฟนมา 5 คนเนี่ย แต่ละคนยังเป็นเพื่อนที่ดีกันอยู่นะครับ ยังเข้าออกในบ้านของแฟนคนแรกซึ่งแต่งงานไปแล้วได้ คือแม้กระทั่งแฟนคนแรกทีแต่งงาน พี่กลายเป็นคนที่ถือกล่องเงินของบ้านเค้า แล้วก็แฟนคนที่สองก็ยังคบหากัน ยังติดต่อกันอยู่ทุกวันนี้ เป้นเพื่อนที่ดีอีกคนนึง แฟนคนที่สามก็ยังติดต่อกันอยู่น่ะครับ คือทุกกคนยังร่วมงานกันได้ ยังทำงานด้วยกันได้ แล้วก็มารู้จักกันด้วยน่ะครับ แฟนคนที่หนึ่งที่สองก็มารู้จักแฟนคนปัจจุบัน แล้วทุกคนก็ดีต่อกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันหมด เพราะว่าตลอดระยะเวลาของการคบหาทุกคน ไม่มีเรื่องที่จะต้องปิดบังใคร ไม่มีเรื่องที่จะไปสร้างความแคลงใจ ไม่มีความบาดหมาง เวลาเลิกกัน ก็เลิกกันด้วยสภาพที่ดีที่สุดน่ะครับ ยังคงความเป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ยังมีในทางที่พัฒนาร่วมกันมา เป็นเวลาหลายปี ความรู้สึกดีๆก็ยังอยู่ครบถ้วน อาจจะมีความฝืนใจในช่วงที่ไม่เข้าใจกัน แต่พอหลังจากเลิกกันไปแล้วก็ยังรักษาความสัมพันธ์กับทุกคนไว้ได้ ซึ่งอันนี้แหละมันเป็นเรื่องของการเรียนรู้ และก็ยอมรับความจริงว่า ไม่เหมาะกัน ก็คือไม่เหมาะกัน ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะกันแล้วเราไม่พูด แล้วไปมีคนอื่น แล้วก็เท่ากับโกหกหลอกลวงเค้าไว้ ดังนั้นความสัมพันธ์ลักษณะนี้ หรือว่ามองจากการที่ได้อธิฐานทุกคนเนี่ย ทุกๆคนให้บทเรียนเราต่างๆ ยิ่งกว่านั้นความเป็นเพื่อนทั้งหมดไม่มีการเสียเวลาปล่าวเลย ความสัมพันธ์อันดีที่เคยสร้างกันมาอยู่ครบถ้วน
ญ: ขอยกคำพระของหลวงพ่อชานน่ะค่ะ เป็นพระภาวนารูปนึงน่ะค่ะ เคยพูดว่าคนเราทุกข์เพราะคิดผิด คือถ้าเราคิดถูกเนี่ย มันก็จะพาเราไปสู่ความไม่ทุกข์ แต่ถ้าน้องๆคนไหนยังมีทุกข์อยู่เนี่ย แสดงว่ายังคิดไปในทางการสร้างเหตุที่ไม่ถูก วิธีการก็คือต้องเรียนรู้ว่ายังไม่รู้อะไรที่มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เรื่องการเปลี่ยนแปลงเนี่ยเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะค่ะ คือเหมือนเราโตขึ้นทุกวัน เราต้องเรียนรู้ เหมือนเรามาเรียนหนังสือ เราก็เรียนรู้ว่าวิชานี้สอนเรื่องอะไร เราจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ เหมือนกันเรื่องความรัก การใช้ชีวิตในสังคม เหมือนกันเลย น้องๆอยากมีความรักที่ดีมีความสุขเนี่ย ในการคบใครแต่ละคน หรือการเลือกใครเนี่ย เราต้องเรียนรู้ว่าเราได้เรียนรู้อะไร พี่โจ้ลองเล่าเรื่องตัวเองเป็น sample นิดนึงว่า ได้เรียนรู้อะไรในการคบแฟนตั้งแต่คนแรกจนถึงคนปัจจุบัน
พี่โจ้: คนแรก ตอนมีแฟนคนแรก พี่เชื่อว่าเหมือนกับน้องๆผู้ชายทุกคนในห้องนี้ คือสนใจเฉพาะสวย สนใจแต่เปลือกอย่างเดียวล้วนๆเลย
ญ: ถ้าผู้หญิงก็สนใจหล่อ รวย
พี่โจ้: สนใจแต่สวยอย่างเดียว ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลยน่ะครับ รูปเปลือกนอกถูกใจ ทีนี้พอจนกระทั่งคบกันเกิดปัญหา ก็เรียนรู้ขึ้นมาว่าเออ ไอ้ปัญหาเนี่ย เกิดปัญหาเพราะความชอบความสนใจเราไม่ตรงกัน เราไม่ได้ชอบในเรื่องเดียวกัน
พี่โจ้: ความสวยไม่ได้ทำให้เรานับถือเค้าได้ เพราะฉะนั้นพอคบกันแล้วเกิดปัญหา พอแฟนคนที่2 ก็เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น ก็มองหาคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน แล้วก็กลับมาพบอีกว่าแค่ความสนใจก็ไม่พอเราก็มาพยายามตีโจทย์ใหม่ เราก็พบว่า เอ๊ะ..น่าจะ.. ใช้คำว่าน่าจะเลย เป็นการเดาเลยว่าต้องชอบเรื่องเดียวกันจึงจะดีละมั้ง เพราะฉะนั้นแฟนคนที่ 3 ก็เป็นคนที่ชอบเรื่องเดียวกันครับ
พอเป็นคนที่ชอบเรื่องเดียวกันเนี่ยก็มาพบอีกปัญหานึงว่า แค่ชอบเรื่องเดียวกันก็ยังไม่พอ เพราะว่าคนแต่ละคนเนี่ย อย่างตัวน้องในวันนี้ กับตัวน้องเมื่อ1 ปีที่แล้วนิสัยเหมือนเดิมมั้ยครับ? ความรู้เท่าเดิมมั้ย? ..เท่ามั้ย..ไม่เท่าใช่มั้ยครับ ฉะนั้นจริงๆ คนเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ นาที ทุกๆ วินาที เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด ฉะนั้นนะครับ ถ้าเทียบแล้วเนี่ย
(เขียนกราฟ)
ถ้านะครับ คนนึงเดินอยู่ตรงนี้ คนนึงอยู่ตรงนี้นะครับ ต่างคนต่างเดินมา เดินมา..แล้วก็เดินมาเจอกันที่จุดนี้ ...ตกลงเป็นแฟนกันแล้วนะครับ แล้วแต่ละคนก็พยายามนะครับ แต่ละคนก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดใช่มั้ยครับ เค้าก็จะเดินไปที่ทิศนี้ แต่ละคนก็จะเดินไปที่จุดหมายเดิมของตัวเอง
ทีนี้พอเดินไปเนี่ย ถ้าได้ตกลงเป็นแฟนกันแล้วเค้าก็จะเจอกันตรงนี้ คือเค้าก็พยายามรั้งๆๆ ตัวเอง สุดท้ายเค้าก็จะแยกออกไป ซึ่งก็จะฉีกออกจากกันไปหาเป้าหมายเดิมของเค้า นี่คือตัวอย่างนึงนะครับที่พี่เจอมา
ดังนั้นพอแฟนคนที่ 3 พี่ก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่า โอ้..มันแค่ชอบสิ่งเดียวกันไม่ได้ มันต้องมีเป้าหมายในชีวิตอันเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าแต่ละคนจะเดินมาทางไหนก็ตาม พอเจอกันแล้วปุ๊บ ถ้าเค้าคุยกันในระดับของปัญญาจริงๆ เอาทุกอย่างในใจมาแชร์ด้วยกัน เค้าก็จะเห็นว่าการเดินไปด้วยกัน ร่วมกันเดินไปเนี่ย.. บางคนเวลาอยู่ข้างหลัง ล้าหลัง อีกคนก็จะฉุดแล้วก็ร่วมกันเดินไปหาเป้าหมาย การเดินทางแบบนี้แหละ คือการเดินทางที่เกื้อกูลกัน มองหาคนที่เกื้อกูลกันแล้วมีเป้าหมายในชีวิตร่วมกัน
ญ: มันก็จะทำให้ชีวิตดีขึ้น..
พี่โจ้: ระหว่างทางเดินเราพัฒนาอีกฝ่ายนึง และอีกฝ่ายนึงก็พัฒนาเรา ร่วมกันพัฒนาตัวเองไปด้วยกัน อันนี้แหละ เนี่ยคือที่จะนำและชักชวนให้น้องๆ ได้อธิษฐานว่า “ขอให้ได้เจอคู่ที่เหมาะสม และเจริญเติบโตไปพร้อมกัน”คำว่าเจริญเติบโตก็คือ ต่างคนต่างก็โตขึ้นทุกวัน ทีนี้ถ้าเราโตไปในทิศทางเดียวกัน แล้วก็ช่วยกันเกื้อกูลกัน ใครหล่นลงมาก็คือช่วยกันประคองซึ่งกันละกัน แล้วก็เดินไปพร้อมๆ กันจนถึงเป้าหมายเดียวกัน อันนี้แหละก็คือสาระสำคัญที่สุด ที่ชีวิตคู่เราจะทั้งมีความสุขด้วยแล้วก็ พออีกคนเค้าช่วยเราและเราก็ช่วยเค้า มันก็จะเป็นความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลกันจริงๆ แล้วก็ให้นึกถึงก็มีความสุข
ที่มา: เก็บตกจากบรรยาย กุญแจสู่รักแท้ ที่ราชภัฏ ฟังเนื้อหาเต็มได้ที่ http://www.facebook.com/notifications.php#!/note.php?note_id=191956957492768