อยากเป็นคนสำคัญ
เคยถามตัวเองไหมคะว่าอยากมีแฟน อยากมีคนรักเพราะอะไร?
คำตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่รวบย่อๆหน่อย ก็คือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และมีความเหงา
ถึงจุดหนึ่งก็อยากมีแฟน อยากมีคนรัก ไว้ให้เป็นที่ฝากใจ ให้อบอุ่น ให้เป็นที่พักพิง เวลาว้าเหว่บ้าง เวลามีปัญหาบ้าง และอื่นๆ
ที่คนทั่วไปบอกว่าอยากมีความรัก คือ อยากมีแบบมีคนมารัก มาให้ความสุข มาตอบสนองสิ่งที่เราต้องการ
รู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่แค่รอ และหา มันก็เลยขึ้นอยู่กับกรรมเก่าบันดาล(กรรมเก่าที่จะทำให้เจอความรักที่ดีที่มีความสุขก็เกิดจากเหตุที่เราทำให้คนอื่นมีความสุข ช่วยให้คนอื่นมีความสุขเรื่องความรัก กับทั้งได้มาเจอคนที่เคยร่วมช่วยผู้อื่นให้มีความสุขร่วมกัน เคยเกื้อกูลกัน ทำบุญร่วมกันมา) ซึ่งอาจจะไม่เจอเลย หรืออาจต้องรอนาน
เมื่อเอาเวลาไปรอ ก็สูญเสียเวลาในการทำกรรมปัจจุบันที่ดี
มันคงจะดีนะคะถ้ามีคนมาให้ความสุขเรา แต่มันคงจะดีมากกว่าถ้าเราสามารถสร้างความสุขให้ตนเอง และจะดีที่สุดถ้าเรามีความสามารถแบ่งความสุขนั้นให้ใครๆได้ด้วย
เกริ่นมาพอเป็นน้ำจิ้ม ขอเข้าชื่อเรื่อง อยากเป็นคนสำคัญดีกว่า^^
คนเราอยากมีแฟน เพราะอยากมีคนมาให้ความสำคัญ เพื่อเป็นการย้ำเตือน ช่วยบอกตัวเองว่าเรายังมีตัวตนอยู่นะ ยังเป็นที่ต้องการ
หลายๆคนตีความว่านี่แหละคือ ความสุข นี่แหละคือความรัก โดยไม่สังเกตสักนิดว่า อยากมีตัวตน อยากเป็นคนสำคัญเมื่อไหร่ พอไม่ได้ดังหวัง ก็ทุกข์ขึ้นมา เช่น แฟนลืมวันสำคัญ แฟนเห็นเพื่อนดีกว่าเรา เห็นการดูฟุตบอลสำคัญกว่าการมานั่งคุยหวานแหววแต๋วจ๋ากับเรา และอื่นๆ
โรคนี้ผู้ญจะเป็นกันเยอะมากกว่าผู้ชาย พอไม่ได้เป็นคนสำคัญ(ต้องที่สุดด้วยนะ ตลอดเวลาทุกครั้งตามที่ต้องการด้วยนะ)ตามที่คาดหวังไว้ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการน้อยใจ งอน ตีโพยตีพาย ตัดพ้อ และอื่นๆ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาให้เกิดปัญหา เกิดทุกข์
ถ้าเช่นนั้นแล้ว.... ถ้าการอยากเป็นคนสำคัญมันทำให้เราเป็นทุกข์ ทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ เราอย่าอยากเป็นคนสำคัญที่เป็นทุกข์ เลือกเป็นคนธรรมดาดีกว่าไหมคะ:)
.........
คนที่มีแฟนอยู่ ก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องเลิกกับแฟนนะคะ แค่หมายถึง อย่าเรียกร้องเป็นคนสำคัญมากนัก เข้าใจให้ถูกต้องใหม่ว่า คู่รักคือคู่ที่อยู่ด้วยความรักเพราะอยากที่จะเป็นสุข ไม่ใช่เป็นทุกข์ ในทางพุทธเนี่ยเค้าว่าเรามีทุกข์เพราะมีอัตตา เมื่อเราหลงเข้าไปยึดสิ่งใดเป็นตน มันจะต้องนำทุกข์มาให้อย่างแน่นอน และสิ่งที่เรายึดถือเป็นตัวเป็นตนมากที่สุดก็คือกายใจของเราเอง ใครจะมากระทบให้เกิดความไม่พอใจไม่ได้ เพราะจะโกรธขึ้นมา
มาวิเคราะห์กันตามจริง
พระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีการภาวนา การเจริญวิปัสสนาก็เพื่อถอดถอนความผิดเรื่องความมีตัวตน นั่นแหละค่ะ
ท่านบอกว่าทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ธรรมชาติทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ ต้องเปลี่ยนแปลงไป คงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่ใช่ตัวเรา เพราะไม่สามารถควบคุมได้
พี่ชายเคยชี้ให้ดูว่า ร่างกายก็เกิดขึ้นจากไข่และสเปริม์ของพ่อและแม่ เจริญเติบโตด้วยธาตุจากธรรมชาติ น้ำ หมูเห็ดเป็ดไก่ ผักผลไม้ ไม่มีส่วนใดที่เป็นของเรา ความรู้สึกนึกคิดของเรายิ่งแล้วใหญ่ เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่เราก็ถือมันหนักหนา มันคิดไปเองว่าใครไม่ดีก็ไม่ชอบเขา มันคิดอยากได้อะไรก็ไปวิ่งตามมัน มันอยากให้แฟนเป็นอย่างใจก็ไปเค้นเอา ไปสร้างทุกข์ สร้างกรรมที่ไม่ดี ต้นเหตุทั้งหมดเพราะเราไปเชื่อมัน เราจึงต้องสนองอัตตาตนเอง (....อย่างนี้ จะเป็นทุกข์ก็เป็นทุกข์ของเราด้วยนะ ช่วยไม่ได้ละล่ะ^^)
พระพุทธเจ้าทรงเห็นความสำคัญผิดตรงนี้ที่เป็นที่มาทำให้สิ่งมีชิวิตต้องทุกข์ซ้ำๆนับภพนับชาติ
(โอเค ถ้าดูย้อนนานไปนึกไม่ออก ก็เปลี่ยนเป็นให้ทุกข์มาตั้งแต่เด็กจนโต มีความรักกี่ครั้งก็ช้ำ หรือมีปัญหากับคนรักบ่อยๆ)
ท่านจึงได้มาเปิดเผยความจริงเพื่อให้เราออกจากทุกข์และประทานวิธีที่จะทำให้ใจถอดถอนก็คือ การเจริญวิปัสสนาให้จิตเห็นตามจริง
หากวันนี้ใครรู้สึกทุกข์เพราะความมีตัวตน ก็ลองมาพิจารณาดูตามนี้นะคะ :)
********
ถ้าการอยากเป็นคนสำคัญมันทำให้เราเป็นทุกข์ ทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ เราอย่าอยากเป็นคนสำคัญที่เป็นทุกข์ เลือกเป็นคนธรรมดาดีกว่าไหม