กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม
ตัดบทที่เป็นประโยชน์มาให้อ่านกัน โดยยังไม่เสียอรรถรสและเรื่อง ใครยังไม่เคยอ่าน ก็เข้าไปอ่านได้นะคะ ^^
นิยาย กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม ค่ะ:)
http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=category&id=45%3Adeed-forecast&Itemid=278
“รู้ดีว่าอยากได้นั่นอยากได้นี่อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าตัวเองคือใครกันแน่”
“คู่แท้ไม่มีหรอก เพราะเราต้องเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ แต่คู่บุญนั้นมีจริง และบุญจะส่งกระแสชักนำให้มาพบกัน รวมทั้งรักษาสัมพันธภาพไว้ให้ยั่งยืนกว่าคู่ที่ปราศจากบุญร่วมกันมา… แต่นักฆ่าตัวตายหลายคนจะไม่มีวันได้เจอคู่บุญไปทั้งชาติ หากเขาเอาตัวรอดจากคู่บาปไม่สำเร็จ”
“มนุษย์เรามีโอกาสทางความรักแตกต่างกัน โดยเฉพาะถ้าเรามีความรักในอุดมคติเลิศเลอเกินจริง ก็อาจต้องรอจนตายโดยไม่เจอคนที่เป็นอย่างใจเยี่ยมผ่านมาเลย จ๊ะเคยคิดอย่างนั้นไหม?”
“ค่ะ! เพราะอายุคนเราสั้นนัก สั้นเกินกว่าจะรอแล้วรอเล่าอย่างปราศจากขีดจำกัด แถมเพศหญิงมีโอกาสเป็นที่หมายตาของคนอื่นเฉพาะในช่วงวัยต้นๆ พ้นจากวัยสาวคือการทนทรมานกับการเห็นเนื้อหนังมังสาเหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆ ดูแล้วรู้ตัวว่านับวันยิ่งน่าแหนงหน่ายไม่ชวนจับจอง บางคนเลยหมดความอดทนแล้วสักแต่คว้าใครก็ได้ที่ใกล้ตัวแบบส่งเดช”
“การตัดสินใจของทุกคนมีผลกระทบที่สำคัญต่อโลกเสมอ ตอนหนูร้าย หนูไม่ได้เดือดร้อนคนเดียว และตอนหนูดี หนูก็ไม่ได้เย็นสบายเพียงลำพัง คนรอบตัวหนูจะช่วยกันกระจายคลื่นความเดือดร้อนหรือคลื่นความเย็นสบายออกไปกว้างไกลขึ้นเรื่อยๆโดยที่หนูไม่อาจตามไปดูผลได้หมด”
“แต่ละคนโตมาต่างกัน เห็นอะไรมาต่างกัน แล้วก็ทำให้มีความอยากที่ต่างกัน ทุกวันนี้จ๊ะอาจพอใจที่มีส่วนเปลี่ยนแปลงใครสักคนไปในทางดีขึ้น แล้วคนรอบตัวเขาก็อาจดีขึ้นตามไปด้วย นั่นแปลว่าถ้าจ๊ะทำให้คนหลักพันพูดว่าเขาเปลี่ยนไปเพราะจ๊ะ ก็อาจหมายถึงจ๊ะคนเดียวสามารถก่อกระแสความเปลี่ยนแปลงกับผู้คนในหลักหมื่น…
“จิตคนน่ะ เมื่อทำบุญแล้วสั่งสมแรงอธิษฐานด้วยใจจริงซ้ำๆเป็นประจำ ก็ไม่ต้องรอชาติหน้าให้ไกลเกินรอหรอก คิดง่ายๆอย่างนี้ ช่วงที่หนูดื้อๆอยู่น่ะ ถ้าใครมาขอร้องอ้อนวอนให้อ่อนข้อรามือในเรื่องที่หนูไม่เต็มใจ หนูจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเขา?”
หญิงสาวทำหน้าสลด ตอบเสียงอ่อยแทบไม่ต้องคิด
“ก็ไม่ยอมสิคะ ต่อให้รู้ว่าเราเลว ต่อให้รู้ว่าเขาเต็มไปด้วยเหตุผลขนาดไหน ในเมื่อใจไม่ยอมเสียอย่าง พูดเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์”
“นั่นแหละ จิตมีแต่ตัว ‘ไม่ยอม’ เป็นเกราะเป็นกำแพงล้อมอยู่หนาทึบขนาดนั้น ถ้...าหนูแค่ท่องซ้ำๆถี่ๆว่า ‘ยอมๆๆๆๆ’ เพียงไม่นานเกราะและกำแพงที่ตั้งกั้นเหตุผลทั้งหลายไว้ก็จะอ่อนยวบลงทันตาเห็น นี่สะท้อนว่าใจเราพร้อมจะเป็นไปตามความคิดที่สั่งสมซ้ำๆ”