รู้จักตัวเองแล้วก็รู้ว่าใครคือคนที่ใช่
เกริ่นไว้เมื่อวานว่าวันนี้จะเขียนบล็อกใหม่ บางทีก็เขียนอะไรที่มัน ซ้ำกันบ้าง ขยายความเพิ่มได้กว้างบ้าง น้อยบ้าง ยังไงก็อย่าถือสาเลยนะคะ^^”
จริงๆ เนื้อหาหลักๆมันก็ไม่แตกต่างจากเดิมเยอะหรอก แต่ดีเทลมันจะชัดเจนขึ้นผ่านประสบการณ์ เหมือนไข่เจียวมันก็คือไข่เจียวนะ แต่ทำบ่อยๆ ทำเก่งขึ้น มันก็ดูดีขึ้น อร่อยขึ้น^^
กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า
คนส่วนใหญ่ตามหาความรัก ตามหาคนที่ใช่ มักตามหาจากข้างนอก แล้วก็เกิดความสงสัยลังเล เอ๊ะ ใช่ หรือ ไม่ใช่ คนนี้จะอยู่กับเราได้ชั่วชีวิตจริงเหรอ คือเราอยากมีคนที่เหมาะสมกับเรา แต่แทนที่จะรู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร เรากลับไปหาด้วยวิธีหาจากข้างนอก มันก็เหมือนการลองผิดลองถูก อย่างกับซื้อล๊อตเตอรี่
เรามาเรียนรู้ วิธีลิขิตชีวิตตัวเองดีกว่าไหม :) ?
ตั้งคำถามง่ายๆว่า ถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ใช่และเหมาะกับเรา?
ตัวเรายังไม่รู้ และนั่นแหละที่ทำให้เป็นปัญหาว่าต้องไปถามว่า เธอคนนี้ใช่ไหม เขาคนนั้นใช่หรือยัง
การรู้จักตัวเองนี่ต้องดูอะไรบ้าง
อย่างแรกเลย ถามตัวเองก่อนเลยว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร ถ้าไม่มีนี่หายากหน่อยนะ เหมือนคนไม่มีทิศเดิน มันก็หลงวนไปวนมา ที่จริงคนเรามีเป้าหมายชีวิตของตัวเองทั้งนั้นค่ะ เพียงแต่จะรู้หรือเปล่า บางคนอยากมีชีวิตแบบสบาย นั่งๆนอนๆ ไปตลอด นี่ก็เรียกว่าเป้าหมายชีวิตนะ อยากมีครอบครัวที่มีความสุขนี่ก็เป้าหมายชีวิต อยากรวยมากๆนี่ก็เป้าหมายชีวิต บางคนตั้งความหวังไว้หลายอย่าง แต่สิ่งที่เป็นที่สุดของเขามันมีเรื่องเดียว อย่างคนที่อยากรวยมากๆเนี่ย ถึงเวลามีครอบครัว เวลามี conflict ระหว่างงานและครอบครัว สิ่งที่เขาเลือกให้ความสำคัญนั่นแหละเป้าหมายของเขา
เราต้องรู้จักตนเองว่าเป้าหมายเราคืออะไร เราจะได้เลือกคนที่มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน เพราะถ้าเป้าหมายต่างกัน คงไม่เรียกว่าเดินไปด้วยกัน แต่ถ้าเป้าหมายเดียวกัน มันช่วยกัน สนับสนุนกันได้ มันทำให้อยากเดินด้วยกันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องขัดแย้งกัน
ถัดมา ถามตัวเองว่าอะไรที่เราชอบทำมาก...และคิดว่ามีคู่มาทำแบบนี้ร่วมกันก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น อาจจะคล้ายๆเรื่องเป้าหมายนะ แต่ข้อนี้เน้นถึงเรื่องกิจกรรม อย่างญนี่ ถ้าไม่ชอบทำบุญ เข้าวัด นี่ญไม่เอานะ เพราะญเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ และเป็นการอดิเรกญ ถ้าแฟนญไม่ชอบเหมือนกัน จะลากญไปนั่งดูเขาเตะบอลเท่านั้น อันนี้ไม่เอา
ที่บอกว่าให้เลือกคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน ทำอะไรที่ชอบเหมือนกันได้ เพราะการได้ทำอะไรที่เราชอบน่ะ จิตมันเปิด มันเบิกบาน ถ้าได้ทำอะไรที่ชอบร่วมกัน มันทำให้รู้สึกกลมกลืนกัน
ถัดมา บางเรื่องถ้าเราไม่ได้ชอบตรงกัน อย่างผู้ชายชอบเตะบอล แต่เราก็เตะไม่เป็น ก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ เขาก็คงไม่อยากเตะบอลกับผู้หญิงเท่าไหร่ แต่เรื่องที่สำคัญคือ ถ้าเรารัก ชอบอะไร คนนั้นรักในสิ่งที่เราชอบไหม และเรารักในสิ่งที่เขาชอบไหม ถ้าเราไม่ชอบ หรือเกลียดในสิ่งที่เขาชอบ มันอยู่กันยากนะ เคยได้ยินประโยค “Love me Love my dog” ไหม :)
ข้อสุดท้าย(เท่าที่นึกออก) ข้อเสียอะไรที่เรารับไม่ได้สุดๆแบบว่าถ้าเขาเป็น เรารับไม่ได้จริงๆ (แบบหยวนๆได้ไม่ต้องนับนะ) เช่น ถ้าเราเกลียดคนสูบบุหรี่มาก แบบเกลียดเลย เราจะทนอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบได้นานแค่ไหน พออยู่นานไปจนเริ่มคุ้นกัน เราก็ต้องมีบ่นๆบ้างแหละ แต่ถ้าเขาชอบแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ผิด อ้าว รับได้มาตั้งนาน อยู่ดีๆจะมาบอกให้เลิก อันนี้เราผิดนะ
ส่วนเรื่องข้อเสียอื่นๆ ที่หยวนๆได้ อันนี้ถ้าคนสองคนมีนิสัยที่ชอบแบ่งปัน เสียสละ และรักการพัฒนาตัวเองและความสัมพันธ์ นิสัยพวกนี้ มันช่วยให้ปรับเข้าหากันได้ ไม่ยากหรอก
สรุปคือ ถ้ารู้สเปคตัวเองแล้ว ใช้สเปคตามนี้ดูคนที่เข้ามาว่าใช่ไม่ใช่ แต่ถ้ายังไม่เจอ ต้องลองสำรวจว่าเราดีพอสำหรับคนแบบนั้นหรือยัง แบบว่าบางคนอยากได้อย่างนี้ อย่างนั้นสำคัญ แต่ตัวยังทำไม่ได้เลย แล้วเราดีพอที่จะรักษาความสัมพันธ์ได้ไหม
ที่สำคัญเพิ่มเติม เราต้องรู้จักด้วยว่า คนแบบใดที่คบแล้วชีวิตเจริญขึ้น คนนิสัยแบบใด คบแล้วทำให้ความสัมพันธ์อยู่ได้อย่างมั่นคง (ถ้าอยากมีคนรักเพื่อคบยาวๆนะ) อย่างคนติดยานี่ เราก็คงรู้ใช่ไหมว่าจะเป็ฯคนที่ใช่ไม่ใช่ แต่มันมีรายละเอียดที่มากกว่านั้น รวมๆเนี่ย พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เลือกคนที่มีศรัทธาในทางที่ดี มีศีล มีจาคะรู้จักให้และเสียสละ มีปัญญาระดับใกล้กันกับเรา พอที่จะทำให้คุยกันรู้เรื่อง ส่วนนิสัยอื่นๆ ใจร้อน ชอบใช้กำลัง อะไรนี่มันก็ไม่ใช่ใช่ไหม เราต้องเรียนรู้
สำรวจแค่นี้แหละ เยอะไปไหมคะ :)