วิธีแก้ทุกข์ 108 - 1009
เวลาคนเรามีทุกข์ ก็จะหาทางแก้ 108 ญลองสังเกตและจัดการแก้ทุกข์แบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้ ลองดูนะคะว่าวิธีแก้แบบไหนที่เราต้องการ:)
แบบแรก
ยกตัวอย่าง วิธีแก้ทุกข์เมื่อเกิดปัญหาอกหัก
ทางแก้: ไปเที่ยว
กินเหล้า
ช๊อปปิ้ง
ตามตื๊อ
โทรจิก
หากิ๊ก หาแฟนใหม่
แบบแรกนี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หรือจะเรียกว่าไม่ได้แก้ปัญหาเลยก็ได้ และบางวิธีอาจเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่ม เช่น เงินหมด ติดหนี้ เสียสุขภาพ หน้าตาโทรม ดูน่ารำคาญหนักขึ้นไปอีก ก่อกรรมไม่ดีเพิ่ม
วิธีการเหล่านี้ เป็นการแก้ปัญหาที่ภายนอก เพราะเรามีปัญหานี้ แต่ไปทำอย่างอื่น ไม่ได้พิจารณาดูว่าสาเหตุของการอกหักแล้วทุกข์คืออะไร
ผล ก็อาจจะทำให้หายทุกข์ได้ แต่.. ก็มีโอกาสกลับมาทุกข์ซ้ำอีก เพราะยังไม่เข้าใจปัญหา
แบบที่สอง
ปัญหาเดิม วิธีแก้ทุกข์เมื่อเกิดปัญหาอกหัก
ทางแก้: เรามีนิสัยอะไรที่ทำให้เค้าเบื่อ?
เรามีข้อเสียอะไรที่เป็นตัวทำลายความสัมพันธ์?
แบบที่สองนี้เป็นการแก้แบบเข้ามาใกล้เหตุของปัญหาอีกหน่อย การสำรวจตนเองว่าทำตัวดีพอจะมีความสัมพันธ์ที่ดี คนรักที่ดีหรือยังจะทำให้เราไม่พลาดเมื่อมีโอกาสครั้งต่อไป อย่าลืมว่าต่อให้มีแฟนดี แต่เรารักไม่เป็น ก็รักษาความสัมพันธ์ไม่ได้หรอก แฟนไม่ใช่ทาส อยู่แล้วทุกข์มากๆก็ทนไม่ไหว
แบบที่สาม
ยกปัญหาเดิมอีกจะได้เปรียบเทียบกันชัดๆ แก้ทุกข์เมื่อเกิดปัญหาอกหัก
ทางแก้: เมื่อเช็คแบบที่สองแล้วว่า เรานี่แหละเป็นตัวปัญหาล้วนจบ แต่ถ้าเป็น เราก็เป็นตัวปัญหาหนึ่ง หรือเราไม่ได้เป็นตัวปัญหา แล้วทำไมเราถึงต้องมาทุกข์ ทางแก้ต่อมาคือ..
เราต้องมาเจอคนทำให้ทุกข์อย่างนี้เพราะอะไร?
แบบที่สามนี้ เป็นการทำความเข้าใจให้ตรงเหตุ ชาวพุทธเราเชื่อเรื่องเหตุและผล กฎแห่งกรรมเป็นเรื่องของเหตุผล ผลที่เราเจอเกิดจากเหตุที่เราทำไว้ ดังนั้นเจออะไร ก็แปลว่าเราเคยทำเช่นนั้นมา ถ้าไม่อยากเจอแบบเดิม ก็ตั้งใจง่ายๆว่า จะไม่ทำเหตุให้ใครทุกข์ใจเช่นนี้อีก อันนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงประเด็น เมื่อกรรมหมด ความหลง (หลงคือเข้าใจผิด) ให้อยากได้ ต้องได้ ก็จะหมดไป ทุกข์ก็หมดไปด้วย
in deep detail อ่านรายละเอียดเรื่องกรรมได้ที่ หนังสือ เหตุเกิดจากความรักค่ะ :)
http://www.sangtean.com/love/reading
แบบสุดท้าย
โอเคนะคะ ปัญหาเดิม ^^ แก้ทุกข์เมื่อเกิดปัญหาอกหัก
ทางแก้ ศึกษาที่ "ใจ" ตนเอง
เพราะว่าความทุกข์ของเรามีได้หลากหลายมากมายมากเลย เอาแค่เรื่องอกหัก เราก็ยังอกหักจากสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น เพราะเราเอาแต่ใจ เพราะเราเขาเจ้าชู้ เพราะพ่อแม่กีดกัน
วิธีแบบสุดท้ายนี้เป็นการแก้ปัญหาเข้ามาที่ต้นเหตุจริงๆแบบลึกถึงรากยิ่งกว่าแบบที่สามอีก อธิบายคือ ถ้าเข้าใจวิธีแก้แบบที่สามแล้วก็จะเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นไปตามกรรมคือเหตุที่เราสร้างไว้แล้ว เราทำอะไรไปแล้วตั้งมามาย ที่จำได้และจำไม่ได้ตั้งแต่เด็ก หรือชาติก่อนก็ตาม สังเกตไหมว่าเราควบคุมความคิด ความรู้สึก การจะรักไม่รักใครไม่ได้เลย แต่สิ่งเหล่านั้นก็เป็นไปชั่วคราว เมื่อหมดวาระกรรม ความรู้สึกรัก ทุกข์ สุข ก็หายไป แต่เราก็ต้องไปรับผลกรรมที่ทำเหตุไว้เมื่อไหร่ไม่รู้อีก ไม่จบสิ้น แล้วถ้าแก้ไม่ถูก สร้างเหตุที่ไม่ดี ก็ต้องทุกข์ซ้ำซาก หาจุดสิ้นสุดไม่ได้
ดังนั้นเมื่อเห็นแล้วว่า เราควบคุมสิ่งต่างๆไม่ได้ แม้แต่ใจเราเอง ก็แปลว่า ความรู้สึกนั้น ไม่ใช่ของเรา การแก้ที่ความเห็นผิด จะทำให้เราพ้นทุกข์ ได้ในปัจจุบัน และตลอดไป เรื่องจากไม่เข้าไปยึด ไม่ได้แบกอะไรไว้ ก็ไม่มีภาระอะไรอีก
วิธีแก้วิธีนี้ เกิดจากความเข้าใจว่า รากของกรรมและสิ่งทั้งหลายเกิดมาจากใจ จะแก้ทุกข์ทุกชนิดที่เหตุก็ต้องมาที่ใจล้วนๆ การภาวนาคือการศึกษาที่ใจจึงเป็นคำตอบ
หากใครสนใจเรื่องภาวนา และไม่เคยรู้มาก่อนว่าภาวนาคืออะไร ต้องเริ่มต้นตรงไหน แนะนำหนังสือ วิปัสสนานุบาล และ หนังสือ มหาสติปัฏฐานสูตร
www.dungtrin.com
วิธีแก้แบบที่สามและแบบสุดท้าย เป็นการเกื้อหนุนกันอยู่คือ แบบที่สามช่วยให้แม้ยังต้องเดินทางยังไม่ถึงจุดหมายที่ใจจะเข้าใจความจริงอย่างถ่องแท้ตามแบบสุดท้าย แก้นิสัยไปด้วย ก็จะทำให้เราเดินทางแบบไม่ต้องทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ และแบบสุดท้าย(ที่จริงจะเปลี่ยนนิสัย ก็ต้องใช้การภาวนาฝึกสติรู้ทันอารมณ์ ความคิดตามนิสัยเดิมด้วย) เป็นการพัฒนาตนเองเพื่อความพ้นทุกข์ ให้ทุกข์น้อยลงๆเรื่อยๆค่ะ
ยิ่งมีปัญญา เราจะยิ่งแก้ปัญหาได้อย่างลึกถึงเหตุมากขึ้น พี่ชายเคยสอนว่า ปัญหาของคนส่วนใหญ่ คือ “ความเห็นไม่ชัด” ไม่เห็นว่าปัญหาคืออะไร แก้ที่ปลายเหตุ แก้ไม่ตรงจุด หากเรามีความเข้าใจตรงนี้แล้ว ก็นับเป็นจุดเริ่มต้น ให้เราไม่ต้องหลงวน แต่เดินทางไปสู่เป้าหมายที่แน่นอนค่ะ ^^