ทุกข์เพราะเป็นห่วง
ถาม. เพราะว่ารักคือความจริงใจ ไม่ว่าสิ่งที่เราได้ทำให้ไป บางทีเรารู้สึกว่าความจริงใจมันไม่เพียงพอต่อความรัก รักคนๆหนึ่งเราเป็นห่วง เป็นใย แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนเราไปสร้างความลำบากใจให้เค้า กลายเป็นเราไม่มีคุณค่าในตัวเองเลย ไม่ได้ท้อแท้กับการให้สิ่งที่ดีๆ กับคนที่เรารัก แต่กลับเป็นว่าเราท้อเพราะเค้าไม่เข้าใจในความหวังดีของเราเลย ทำอย่างไรดีเราควรจะหยุดรึป่าวคะ เพราะตอนนี้เราก็ยังรักเค้าอยู่มากมาย
ตอบ. ห่วงแล้วเค้าไม่เข้าไม่เข้าใจมีเหตุผลหลายอย่างค่ะ
-เราอาจจะห่วงในเรื่องที่เค้าไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน แต่เรามีประสบการณ์หรือความชอบต่าง เราก็เลยเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องนี้ "เห็นต่าง"ก็มีปัญกาเป็นธรรมดา
-วิธีการที่เราเป็นห่วงเป็นอย่างไร? ทำและพูดแสดงแบบน้ำเย็นชโลมใจ(ด้วยความสงบ ร่าเริงชื่นใจ) แบบไฟร้อน(เร่งๆ อยากให้เขาได้รับ) แบบเชือกที่ร้อยรัดแบบห่วง(ทำด้วยความกังวล ไม่สบายใจด้วยความเป็นห่วง)
ถึงจะพูดออกมาไม่ถูก แต่มนุษย์ทุกคนรับความรู้สึกจากอารมณ์ได้ ความรู้สึกทุกครั้งที่เราทำ ก่อตัวเป็นความรู้สึกสะสมที่เค้ามีต่อเรา
ฝึกรู้ทันอารมณ์ตัวเอง ถ้ามีใจร้อน กังวล อึดอัด เร่ง อย่าทำอะไรตอนนั้น ให้ดูอารมณ์จนสงบแล้วพิจารณาละเอียดอีกทีว่ามันจำเป็นจริงไหม เค้าต้องการหรือเปล่า "ให้ในสิ่งที่เค้าอยากได้ ไม่ใช่ให้ในสิ่งที่เราอยากให้ อันนี้คือให้ความสุขเขา ไม่ได้ให้ตามความอยากของเราอย่างเดียว"
--ที่บอกว่าท้อ--
เพราะทำแล้วเค้าไม่ปลื้ม ไม่ชื่นชม เราเลยท้อ อันนี้ตอบตัวเองแบบจริงใจนะคะว่าเราทำเพราะอยากได้อะไรตอบแทนคือเพื่อ"เรา"จะได้มีความสุข มอบให้ออกว่าเราให้เพื่อให้ หรือให้เพื่อได้(ความสุข)
มองให้เห็นตัวตนที่มันซ่อนอยู่ ฝึกให้ความสุขใครๆได้อย่างไม่หวังผลตอบแทน แล้วกฎแห่งกรรมจะทำหน้าที่ของมันเอง
สิ่งที่ดีที่สุดคือเราให้แบบสละ สละความเห็นแก่ตัว สละความตระหนี่ อันนี้เป็นการให้แบบที่จะนำความสุขมาให้กับทุกฝ่ายจริงๆ ถ้ายังมีความคาดหวังยังไงก็ต้องทุกข์ ถ้ามีทุกข์แปลว่าเราคาดหวัง
มองให้เห็นอาการยึด ทำเพราะยึด แล้วใจเราจะมีอิสระ ฝึกรู้เท่าทันใจค่ะ เพิ่มเติมวิธีสอนใจนะคะ ลองไปให้อาหารหมาแมว นก ปลา ข้างทางตามวัด ให้ด้วยใจปรารถนาให้พวกมันอิ่มท้องเป็นสุข ทำบุญทำสังฆทานด้วยใจเคารพเกื้อกูลเพราะเห็นว่าพระธรรมคำสอนจะช่วยให้คนที่นำไปปฏิบัติพ้นทุกข์ได้อย่างไร ทุกครั้งที่ทำไปสังเกตว่าใจมีความสุขอย่างไร เปรียบเทียบกับตอนที่เราให้คนรัก พอเห็นว่าให้แบบใดแล้วสุขแบบใดทุกข์ มันจะค่อยๆวางเองค่ะ
อีกเรื่องที่เป็นไปได้ก็คือเรื่องของกรรม เราสร้่่างกรรมมาให้ต้องรับผลเป็นความทุกข์ใจแบบนี้ สังเกตทุกข์ที่ใจเรา เรารู้สึกอย่างไรแปลว่าเคยทำให้ผู้อื่นรู้สึกเช่นนั้น สังเกตดูว่าเคยทำกับพ่อแม่ แฟนเก่า และอื่นๆแบบนี้ไหม สร้างเหตุไว้ กรรมก็เลยทำให้หลงยึด และมันจะยึดจนกว่ากรรมเราจะหมด และเรียนรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดีอย่างไร จะไม่ทำอย่างนี้ สร้างเหตุอย่างนี้อีก อ่านเพิ่มเติมในหนังสือเหตุเกิดจากความรักค่ะ
www.sangtean.com
อีกเรื่องที่เป็นไปได้ก็คือ เราเคยอธิษฐานหรือมีความตั้งใจเหนียวแน่นว่าจะดูแลคนนี้ อันนี้ให้เรียนรู้ไป ว่าสังสารวัฏมันเป็นอย่างนี้แหละ ไม่มีอะไรแน่นอน การตั้งใจ "ยึด" เท่ากับการตั้งใจ "ผูก" ตัวเองไว้กับอะไรสักอย่าง มันทุกข์อย่างนี้แหละ ไม่ได้เท่ห์เหมือนในหนังเลย ถ้าเราไปผูกกับคนที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองคือคิดเห็นต่าง ชอบต่าง และอื่นๆต่างกันมากอย่างไรก็ต้องทุกข์ และไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เปลี่ยน ในความเป็นจริงทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป และสุดท้ายต้องจากเป็นไม่ก็จากตาย การหวังอะไรที่ขัดกับความจริง อย่างไรก็ต้องทุกข์
เปลี่ยนมุมมองใหม่เรื่องชีวิต สุขทุกข์อยู่ที่ไหน ทำอย่างไรให้พ้นทุกข์ เข้าใจอะไรตามจริงยิ่งๆขึ้น ทุกคนต่างมีหน้าที่นี้ เกิดมาเพื่อเรียนรู้:)