ความหึง กับความเข้าใจผิดเรื่องความรัก
ถาม. คุณ ญ ค่ะ มีเรื่องมากวนคุณ ญ อีกแล้วค่ะ
ทำไงดีกับความระแวงดีค่ะ เวลาเราไปหาเขา เราสังเกตุว่าเขาหวงโทรศัพท์มาก พอเราถามเขาก็ว่าเราคิดมากไปเอง แต่มันรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆแล้วก็พาลทะเลาะกันทุกครั้ง เราคิดว่าทำไมเขาไม่ทำให้เราสบายใจรู้ว่าเราคิดมากเรื่องนี้ทำไมไม่ให้ดูแล้วก็หมดเรื่อง ถ้ามันไม่มีอะไรจริงๆ พอเรากลับเราก็คิดๆๆๆๆๆแต่เรื่องนี้ว่าเขาต้องมีอะไรแน่ๆถึงไม่ยอมเปิดเผยให้เรารู้ บางครั้งก็รู้นะคะว่ามันเป็นความคิดปรุงแต่งเองแต่มันก็ขัดแย้งกับความรู้สึกเรา
ขอคุณ ญ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ตอบ. ถ้าจะพูดเรื่องขี้หึง ญเขียนได้เป็นมหากาพย์เลยค่ะเขียนได้จากหลายมุมมากๆ ^^
เริ่มต้นการแก้ปัญหาเลยนะคะ “แก้ปัญหาจากตัวเราเองง่ายกว่าแก้ที่คนอื่นค่ะ” ทุกข์ของใครก็ปัญหาของคนนั้น request ให้คนอื่นเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนไม่ได้เราก็ต้องทุกข์ไปเรื่อยๆ หาทางแก้ที่ตัวเราง่ายกว่าค่ะ:)
เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่เปลี่ยนการมองโลกได้ เปลี่ยนได้แล้วเราสบายทั้งชีวิต เพราะคนที่อยู่กับเรา 24 ชั่วโมง ไปถึงชาติหน้าก็คือตัวเรา
ข้อแรก แก้เชิงรับ รับกรรม
รับกรรมนี่ไม่ได้หมายความว่าต้องทนๆๆ แบบไม่รู้จุดหมายนะคะ การรับกรรมนี่ต้องทำแบบใช้ปัญญา
ถ้ามันเป็นกรรมของเราที่เราจะต้องรับ เพราะทำให้คนอื่นทุกข์แบบนี้มา เพราะนิสัยเรา อย่างไรเราก็ต้องรับ ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเอง เราก็ต้องรับแบบนี้ไปเรื่อยๆ สงสัยไปเรื่อยๆ กลัวไปเรื่อยๆ เปลี่ยนคนใหม่ก็ต้องเป็นแบบนี้ เราจะต้องทุกข์ไปจนกว่าจะเรียนรู้
แก้กรรมคือแก้นิสัย ส่วนวิธีการนั้นเขียนบ่อยๆแล้ว ลองอ่านที่ หนังสือเหตุเกิดจากความรัก http://www.sangtean.com/love/reading
ข้อสอง แก้เชิงรับ “แก้ที่ความเห็นมุมมองเรื่องความรักใหม่” ถ้าเรายังรักด้วยความเข้าใจผิด แล้วจะให้มีความสุขนี่มันเป็นไปไม่ได้ ที่ทุกคนทุกข์ก็เพราะต้องการสิ่งที่ขัดกับความจริง ทำเหตุตรงข้ามกับผลที่อยากได้ ลองอ่านตามดูว่าจริงไหม
สังเกตดูว่าตอนเราหึง เราพยายามจับผิด เราเป็นทุกข์หรือเป็นสุข?
มองในมุมเขาบ้าง ถ้าเราเป็นเขา...
ลองนึกถึงว่าถ้าเป็นเรา ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างที่อีกฝ่ายคิด เราจะรู้สึกอย่างไรถ้าโดนว่า โดนเค้น ? เวลาเราไม่พอใจ เราร้อน เราพยายามเค้น คือเราบังคับอยากรู้ อีกฝ่ายเค้ารู้สึกทุกข์ตามไปด้วยได้นะคะ
ลองนึกว่าถ้าเป็นเรา เราทำผิดจริง อีกฝ่ายทำแบบนี้ จะทำให้เราอยากเลิกทำผิดไหม?
มองความรักในมุมใหม่นะคะ คนเรารักอะไรเพราะอยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุข สบายใจ ใช่ไหม?
เหตุที่เราทำ มันทำให้อีกฝ่ายมีความสุขเพิ่ม? หรือจากเฉยๆเป็นทุกข์ ? แล้วเราทำไปแล้วเราเปลี่ยนเขาได้จริงไหม เรามีความสุขหรือเปล่าที่ผลเป็นแบบเดิมทุกครั้ง ? ถ้าใช้วิธีเดิมไม่ได้ผล เราควรลองเปลี่ยนวิธีไหม?
สร้างเหตุแบบที่เราต้องการ อย่าสร้างเหตุที่เราไม่ต้องการ ต่อให้เขาทำผิดจริง สิ่งที่เราทำก็ไม่ได้ทำให้เขารักเรามากขึ้น เราอาจจะได้แค่ตัว แต่ความรู้สึกดีๆจะหายไปเรื่อยๆ
ฝึกรู้ทันความคิดตนเอง ทุกข์เกิดที่ใจเรา มันเกิดตอนไหน เกิดมากขึ้นตอนไหน ลดลงตอนไหน การพยายามแก้ปัญหาทุกข์ของเราโดยให้คนอื่นรับผิดชอบมีแต่จะเพิ่มปัญหา
ถ้าเรายังไม่เข้าใจความรักว่าความรักคืออะไร ถ้ามีความรักเพราะหมายจะยึด อยากให้อีกฝ่ายเป็นแบบที่เราต้องการ อย่างไรต้องทุกข์แน่
เพราะถ้าเค้าเป็นอย่างที่เราต้องการทั้งหมด(ซึ่งที่จริงก็เป็นไปไม่ได้)เราอยู่ด้วยแล้วแฮปปี้มาก แต่สักวันหนึ่งทุกคนก็ต้องตาย เราก็ทุกข์มากเพราะยึด "สังเกตอาการของใจที่หลงเข้าไปยึดให้ดีๆ ยึดเมื่อไหร่ทุกข์ตามมาแน่นอน"
ทำความเข้าใจกับตัวเองใหม่ ความสุขคือการยึด? ความสุขคือการได้มา? ได้มาแล้วไม่เสียไปในสักวันมีไหม? มีอะไรในโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือเปล่า อารมณ์เรายังขึ้นๆลงๆเลย?
ดังนั้นความหมายของการมีความรักจริงๆมันคืออะไร ถ้ามีเป้าหมายที่อยากมีความรักเพื่อมีความสุขแนะนำอ่านบทความนี้ค่ะ “คนเรามีแฟนไปเพื่ออะไร” http://www.sangtean.com/love/love-articles/265-why-we-need-someone
ข้อสำคัญต่อมาคือ “เลือกคนให้ถูก”
ถ้าเราเลือกคนถูกแล้วเราไม่ต้องมานั่งทุกข์นะคะ แต่ถ้าเราเลือกคนผิด ให้เปลี่ยนที่ความเข้าใจผิดของเรา ไม่ใช่เปลี่ยนให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราต้องการ เพราะนอกจากมันเป็นการแสดงว่าเราไม่ได้รักอีกฝ่าย เรารักตัวเองแล้ว ยังเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายชัดๆ ก็เขาเป็นของเขาแบบนี้ มีความสุขที่เป็นแบบนี้มาตั้งนาน เราไม่ชอบแบบนี้ ก็เปลี่ยนตัวเราค่ะ เรียนรู้เป็นบทเรียน พูดเรื่องแก้กรรมก็กลับไปที่หนังสือ เหตุเกิดจากความรัก อีก ^^
เลือกคนถูกเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและจะไปพบกันได้อีกต้องมี ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เสมอกัน เพราะคำว่าเสมอกันคือมันคล้ายกัน กลมกลืนกันในทางที่ดี มันก็อยู่อย่ามีความสุขอยู่แล้ว คิดเห็นต่างกัน ความชอบต่างกัน เป้าหมายต่างกัน มันก็ต้องทุกข์เป็นธรรมดา
สุดท้ายจะมีคู่อย่างนี้ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับเหตุอีก เราสร้างเหตุที่ดีมาเพียงพอไหม เราดีพอหรือยัง รักคนอื่นเป็นหรือยัง ดูแลตัวเองได้ไหม ดูแลให้ความรักคนอื่นได้หรือเปล่า ถ้าทำทุกอย่างได้ดีเป็นนิสัย เป็นกรรมที่ดีแล้ว มีเหตุที่ดีแล้ว ผลดีค่ะ:)
ถ้าเราให้ความสุขคนอื่นเป็น ใครๆก็อยากอยู่ใกล้และรักเรานะ:)
สุดท้ายก็มาจบเรื่องกรรมอีก ฝึกรู้ทันความคิดของเรานะคะ:)
"เธอจงระวังความคิดของเธอ
เพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ
เธอจงระวังความประพฤติของเธอ
เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ
เธอจงระวังความเคยชินของเธอ
เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ
เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ
เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต"
( หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง )
ญว่าหลายๆปัญหา เรารู้ทางออกแหละ แต่ที่ยากเพราะเราไม่รู้ทันใจ การภาวนา การฝึกสติจึงเป็นสิ่งที่ช่วยเราได้มากๆ
ฝึกรู้ทัน “ความอยาก” “ความไม่อยาก” ที่ขัดกับความจริง ที่ต้องการให้เป็นอย่างใจ ดิ้นรนให้เป็นอย่างใจ
ฝึกรู้ทันใจ “ถ้าคิดมากไปเบื้องต้นให้รู้ทันว่าเรากำลังสร้างทุกข์ให้ตนเอง”
ตอนใจเราทุกข์ น้อยใจ โกรธ และอื่นๆอยู่ พยายามอย่าพูด อย่าทำอะไรตอนนั้น ตอนนั้นโดยอารมณ์ครอบงำจนมิด พูดด้วยอารมณ์นี่ไม่สามารถมีเหตุผลดีๆแน่ ตอนทุกข์ ตอนอารมณ์ขึ้น ดูใจตนเองก่อน ถ้าหนักมากไม่ไหว อ่านหนังสือธรรมะ เข้ามาอ่านเวป www.sangtean.com ก็ได้ค่ะ ^^ แล้วดูใจไปเรื่อยๆ ว่าความรู้สึกที่แรงๆเมื่อกี๊ พอเราเปลี่ยนเหตุ มาอ่านธรรมะเย็นๆ ใจเราสงบขึ้น ฟุ้งน้อยลง อันนี้แสดงให้เห็นว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย” ถ้าเราคิดไปทางไม่ดีมากๆ โดยที่เรายังไม่รู้นี่ตัวดีเลย คิดไปได้ไกลถึงจักรวาลเลย คิดไปในทางไม่ดีเราก็ทุกข์
ดูเข้าไปให้ละเอียดขึ้น อารมณ์เรามันมีขึ้นๆลงๆ ไม่คงที่ มันกำลังแสดงความไม่เที่ยง ที่ผ่านมาเราทุกข์เพราะไปยึดไว้ มันเลยทุกข์นาน เราเห็นบ่อยๆว่ามันแปรปรวนไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไร มันก็เกิดขึ้นแล้วดับเอง ก็ไม่ต้องไปพยายามเปลี่ยนมัน ต้องตอบสนองหรือต่อต้านมันให้วุ่นวาย อันนี้คือที่พระพุทธเจ้าบอกนะว่า ทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ สอนให้ใจเห็นตามจริง จะได้ไม่เข้าไปยึด วิธีนี้แก้ทุกข์ได้ทุกโรค แล้วเราเห็นตามจริงอย่างนี้ เราก็พึ่งพาความสุขจากคนอื่นน้อยลง เป็นอิสระ
แต่ต้องฝึกเรื่อยๆ เพราะใจมันดื้อ ใครที่ยังไม่มีพื้นแนะนำลองอ่านหนังสือ วิปัสสนานุบาลนะคะ http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&;view=category&id=55&Itemid=278
คนที่เป็นฝ่ายยอมรับผิด ไม่ได้เสียเปรียบนะ ถ้าเราคิดว่าเราถูก เราดีแล้ว มันไม่เกิดการเรียนรู้และพัฒนา ถ้าเราดีจริงแล้ว เราไม่เจอคู่แบบนี้ เราไม่ทุกข์หรอก
หมั่นหาข้อผิดพลาดและความโง่ของตัวเอง เวลาทุกข์ จะด้วยแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง เราจะเห็นว่าเรามีความโง่อยู่ เราเห็นความโง่ของเรา จึงจะเริ่มมีทางฉลาดขึ้น เราพยายามพัฒนาเปลี่ยนแปลง เราจึงจะฉลาดขึ้น ทุกข์น้อยลง มีความสุขมากขึ้น ได้ใช้กรรม ได้รู้จักการสร้างเหตุที่ดี คนยอมมีแต่ได้กับได้ เสียอย่างเดียวคืออัตตา ซึ่งจับต้องไม่ได้ คนเรากว้างศอก ยาววา หนาคืบ เท่ากัน แต่แตกต่างกันตรงที่แต่ละคนสร้างอัตตาให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่ต่างกัน อัตตามาก ใครทำอะไรขัดใจนิดหน่อยก็ทุกข์ ต้องการอะไรที่เป็นของฉัน(แล้วก็มาทุกข์)มากมาย
ที่จริงจะเขียนก็ยาวไปถึงเย็นจริงๆ ขอสรุปจบแค่นี้ก็น่าจะพอได้เนื้อๆแล้วนะคะ ที่เหลือแต่ละคนต้องเรียนรู้ด้วยใจของตนเอง เพราะบอกไปเยอะก็จำไม่หมด จำได้แต่ขาดสติก็ทำอะไรไม่ได้ ลองดูค่ะ:)