จะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ใช่

ครั้งหนึ่งที่ไปบรรยายธรรมะที่จุฬา ฯ จัดโดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ร่วมกับศิลปินค่าย love is คือคุณวุฒิ และคุณโบว์

ประทับใจคำตอบหนึ่งมาก มีน้องถามว่า “เวลามีส่วนสำคัญหรือไม่ ในการจะรู้ว่าใครใช่ ไม่ใช่

คุณวุฒิตอบว่า...

เวลานั้นทั้งมีส่วนสำคัญและไม่สำคัญ "ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันอย่างไร"

ถ้าในช่วงเวลาที่คบกัน ทั้งสองคนมีแต่ช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยว ไปดูหนัง กินข้าว ไปหาความสุข มันเป็นช่วงเวลาที่สูญเปล่า เพราะทั้งสองคนไม่ได้เรียนรู้อะไร หรือเรียนรู้อีกฝ่ายเลย

แต่ถ้าช่วงที่คบกัน ทั้งสองได้มีโอกาสเช่น ไปทำกิจกรรมอาสาด้วยกัน เกิดปัญหา ได้แก้ปัญหาร่วมกัน ได้ไปรู้จักเพื่อนหรือครอบครัวอีกฝ่าย มันกลับเป็นช่วงเวลาที่มีค่า เพราะได้เรียนรู้

แบบแรก แม้คบกันหลายปี ก็ไม่มีค่า แบบหลัง แม้ใช้เวลาไม่นานก็มีค่ามาก เพราะมันทำให้เรารู้จักอีกฝ่าย จะได้ดูว่าเราเข้ากันได้ไหม”

 

ก่อนจะเริ่มใช้คำว่า รัก ใครสักคน เราควรรู้จักความรัก และคนที่เราบอกรักให้ดีเสียก่อน เพราะเราไม่สามารถรักอะไรที่เราไม่รู้จักดีพอได้นะ นี่เป็นเหตุผลที่พอคบกันไปนาน ๆ หลายคู่ก็เริ่มจะเห็นปัญหา เพราะเห็นข้อเสียในตัวอีกฝ่าย

บางคนอาจจะบอกว่า ถ้ารักต้องทนได้ แต่ที่จริงถ้ารักแล้ว เราไม่ใช้คำว่า ทน นะ

คู่บุญน่ะอยู่ทน คู่เวรน่ะทนอยู่

ดังนั้นก่อนจะบอกว่ารัก ให้มั่นใจว่าเรารู้จักอีกฝ่ายดี จะได้ไม่เสียเวลา เสียเวลาเป็นปีเพื่อเรียนรู้กัน ยังดีกว่าเสียเวลาทั้งชีวิต

แล้วให้เข้าใจความรักให้ดี ว่าความรักเป็นเรื่องของคน ๆ เดียวได้ แต่คู่รัก เป็นเรื่องของคนสองคนที่มีความรักตรงกัน และมีใจเสมอกัน

ความรักคนอื่น ต้องเป็นไปพร้อม ๆ กับการรักตัวเอง คือ รักอย่างไรแล้วเป็นสุขทั้งสองฝ่าย ชีวิตคู่จึงจะเกิดความสมดุล

แต่ถ้าเราไม่เข้าใจว่า ความรักคืออะไร แล้วพยายามไปแปะป้ายมัน ยึดว่าเป็นรัก มันก็จะทำให้เกิดความยึดที่ยืดเยื้อ แม้ตงิด ๆ ว่าไม่ใช่ คนที่ใช่ก็ตาม

ดังนั้นจึงแนะนำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนว่าเราต้องการจะเดินไปในเส้นทางไหน แล้วก็พยายามทำตัว พัฒนาตัวเองให้ไปอยู่ในทิศทางนั้น คนรักก็เหมือนเพื่อนเดินทาง ถ้าเขาอยู่ในเส้นทางเดียวกัน เราเข้าไปในเส้นทางนั้นแล้ว จึงจะเจอกันได้

 

แต่ถ้ายึดติดที่ตัวบุคคล ไม่ได้ทำความรู้จักอีกฝ่ายให้ดี แล้วก็เข้าใจผิดว่ารัก พยายามทำคนที่ไม่ใช่ให้ใช่ สุดท้ายจะได้แต่เปลือก เพราะตัวตนของคนรักเกิดจากการสั่งสมเหตุมาไม่รู้เท่าไหร่

ความรักจะดำเนินไปได้ต้องเกิดจากใจภายในที่เสมอกัน มองไปในทิศทางเดียวกัน การฝืนธรรมชาติจะได้แต่การยึดมั่นถือมั่นกับความไม่จริง ซึ่งจะทำให้เกิดทุกข์ แตกต่างจากการเข้าใจกฎของธรรมชาติแล้วทำตนเองให้ดี ดีจากข้างใน เพื่อให้ใจเหมาะสมกับใจอีกดวงดีๆที่พร้อมจะก้าวหน้าไปด้วยกัน

คนสองคนจะเดินไปด้วยกันได้ เข้ากันได้ มาจากจิตใจข้างใน

แม้จะพยายามเปลี่ยนภายนอกอย่างไร เช่น เปลี่ยนท่าทาง พยายามอัพเดทฐานะ ใช้ไสย ก็เหมือนพยายามใส่เสื้อเหมือนกัน ดูผิวเผินภายนอก เดินไปด้วยกันเหมือนเข้ากันได้

แต่ข้างในต่าง ใจก็รู้สึกได้

อย่ายึดติดที่ตัวบุคคล ถ้ามีเป้าหมาย ให้พัฒนาเปลี่ยนตนเองให้ดียิ่งๆขึ้น

อย่ายึด เพราะการยึดจะทำให้ไม่ก้าวหน้า ก็ไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการมีความรักที่มีความสุข

เมื่อพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ จิตใจเปลี่ยนจากข้างใน สิ่งต่างๆที่เหมาะสมกันจะเข้ามาเอง ใจที่เปลี่ยนแล้วจะดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้ามาเอง โดยไม่ต้องพยายามเปลี่ยนที่ผล(เช่น เค้าชอบใส่เสื้อแนวหวาน เราก็เปลี่ยนเสื้อให้หวานเหมือนกัน ทั้งที่ใจชอบแนวเข้ม ซึ่งทำให้ยิ่งสับสน)

แต่ถ้าใจเหมือนกัน จะใส่เสื้อที่ดูต่าง แต่ก็คุยกันเข้าใจ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข

คนที่ไม่ใช่คือใจไม่ได้เดินด้วยกันตั้งแต่แรก กายอยู่ใกล้ก็รู้สึกห่าง คนที่ใช่เหมือนใจอยู่ด้วยกันเพราะเสมอกัน แม้อยู่ไกลก็ไม่รู้สึกห่างเหิน


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.