ถึงพรุ่งนี้ก็อาจจะสายเกินไป
"เรามากันที่สายต่อไปนะคะ สวัสดีค่ะน้องหนูเล็ก วันนี้มีอะไรจะให้พี่ช่วยคะ"
"สวัสดีค่ะพี่ฟ้า หนูกำลังท้องค่ะ แฟนบอกให้หนูไปเอาเด็กออก เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยง เราสองคนยังเรียนไม่จบน่ะค่ะ หนูควรไปเอาเด็กออกอย่างที่แฟนบอกไหมคะ เด็กเกิดมาทั้งที่ไม่พร้อมคงจะลำบาก”
“ต้องคิดดี ๆ นะคะว่า เรากลัวเด็กลำบาก หรือกลัวตัวเองลำบาก”
“ค่ะ หนูไม่กล้าบอกแม่ แม่ต้องฆ่าหนูแน่ ๆ แม่หนูไม่เหมือนอย่างแม่คนอื่น เอะอะอะไรก็มีแต่ด่าตลอด หนูกลัว”
“ใจเย็น ๆ นะคะ ไม่มีแม่คนไหนเกลียดลูกหรอกค่ะ อย่างน้อยเขาเลี้ยงดูเรามา ต้องมีความรักให้เราแน่ ๆ แต่พฤติกรรมอาจแสดงออกแตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน ตามจริตนิสัยอารมณ์ของแต่ละคน เราอย่าไปเหมาสรุปว่าใครเป็นอย่างไรจากการมองเขาแค่มุมเดียว ต้องมองภาพรวมนะคะ”
“พี่บอกว่าสิ่งที่เราเจอบอกกรรมเก่า ตอนนี้หนูทุกข์ใจมากเพราะแฟนหนูโคตรเห็นแก่ตัว ที่ผ่านมาหนูก็เป็นคนช่วยเรื่องเงินอะไรเขาทุกอย่าง แต่ตอนนี้เค้าจะมาทิ้งหนู หนูนี่นึกไม่ออกเลยว่าเคยเห็นแก่ตัวกับใครได้ขนาดนี้"
"นึกไม่ออกก็ไม่ต้องพยายามนึกนะคะ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่นึกออก ประเด็นอยู่ที่ความเข้าใจคือ ไม่ว่าจะนึกออกหรือไม่ออกว่าเราเคยทำกรรมอย่างนี้มาหรือไม่ เราก็ต้องไม่สร้างกรรมใหม่ที่ไม่ดี ใช้กรรมแล้วจะได้หลุดพ้นโดยไม่ติดค้าง"
"จะให้หนูยอมรับในสิ่งที่หนูไม่รู้ว่าทำใครไว้ตอนไหนได้ไง มันไม่แฟร์เลย"
"กฎแห่งกรรมในสังสารวัฎมันก็ซับซ้อนอย่างนี้ เอาไว้หลอกคนให้ติดอยู่ ถ้าเห็นได้ง่ายคนก็ไม่ติด มีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่เห็นและเชื่อมโยงได้ นั่นก็ต้องมีเหตุคือมาจากบุญ และความตั้งใจที่จะหาทางออกจากสังสารวัฎ
สิ่งที่เราทำในอดีต ไม่ได้หมายความถึงในชาตินี้เท่านั้นนะคะ แต่หมายถึงอดีตชาติก็ได้ คนเราเกิดมาก่อนชาตินี้ตั้งหลายชาติแล้ว ถ้าไม่มีเหตุในชาติก่อน ก็ไม่มีน้องในชาตินี้ ไม่มีคนหลากประเภทที่สวยหล่อ ขี้เหร่ รวยจน ต่างกัน กรรมเก่าที่แต่ละคนทำต่าง ทำให้เกิดมาได้ มี เป็น ต่าง
เรื่องความทุกข์ของน้องนี่ ก็มาจากในอดีตชาติได้เหมือนกัน ไม่ต้องแปลว่าเป็นกรรมในชาตินี้เสมอไป
เรารู้สึกว่าคนอื่นเป็นอย่างไร ทุกข์อย่างไร ก็แปลว่าเราต้องเคยทำให้คนอื่นทุกข์มาอย่างนั้น
คนที่ทุกข์มากเกิดจากได้หลายปัจจัยค่ะ แต่หลัก ๆ คือต้องทำกรรมด้วยเจตนาที่หนักแน่นพอสมควร ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะใจร้ายอย่างเลือดเย็นกับคนที่รักและทุ่มเทกับเราอย่างจริงใจ ตอนเขาเจ็บ เขาก็เจ็บมาก พอถึงเวลากรรมส่งผล มันจะไม่ส่งให้น้องไปเจ็บกับคนที่น้องไม่มีใจให้ ที่น้องไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ มันจะดึงดูดน้องไปเจ็บกับคนที่น้องทุ่มเทนี่แหละ พี่ขอยกตัวอย่างเคสนึง มีสาวคนหนึ่งหลอกให้ความหวังผู้ชายที่มาทุ่มเทจีบไว้มากเพราะหวังผลประโยชน์ ถึงเวลาเค้าก็ไปหลงรักทุ่มเทกับคนที่คิดแค่จะหลอกฟันเขา รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายไม่ดีนะ แต่ใจมันยึดติดแน่นเลย เพราะต้องชดใช้กรรม"
"การเชื่อเรื่องกรรมที่เราจำไม่ได้ นึกไม่ออก ไม่เป็นเรื่องเหลวไหล ไร้เหตุผลและงมงายไปหน่อยหรือคะ"
"การบอกว่าสิ่งนี้มีเหตุมาจากกรรมก็เพื่อให้เราเห็นว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอย ๆ มีผลย่อมมีเหตุมาก่อน การให้เชื่อเรื่องกรรมก็เพื่อให้เราศรัทธาความมีเหตุผล จะบอกว่าเป็นสิ่งงมงายได้อย่างไร
การทำตามอารมณ์ ตอบโต้ด้วยอารมณ์น่าจะเรียกว่างมงายได้มากกว่าเสียอีก"
"หนูก็ยังคิดว่า เขาเลวเกินไปอยู่ดี หนูไม่มีทางเลวได้ขนาดนี้"
ใจสัมผัสความร้อนจากจิตของผู้ถามตามสายได้ ไม่ต้องเป็นแฟนน้องหนูเล็ก แค่ฟัง พราวฟ้ายังรู้สึกไม่เป็นสุขไปด้วย เพราะคลื่นจิตของน้องหนูเล็กที่เค้นโทษโกรธมันแรงมากจนใคร ๆ รู้สึกได้ พราวฟ้าเองสัมผัสได้และวางได้ แต่แฟนเธอเจอคลื่นอารมณ์แบบนี้ทุกวัน จะให้เปลี่ยนเป็นใจอ่อนใจดีคงยิ่งยาก ธรรมดาคนเรารักสุข เกลียดทุกข์ เจอแบบนี้คงยิ่งอยากออกห่าง นี่เค้าโทรมาปรึกษาหรือโทรมาบ่น โทรมาด่าคนอื่นให้ฟังนะ ถ้าทุกข์ขนาดนี้ จากประสบการณ์ของเธอ ตีความได้เลยว่าส่วนใหญ่เป็นพวกนิสัยเอาแต่ใจแน่ ๆ !
แต่ก็เห็นใจว่าทุกข์ขนาดนี้ ต้องทำมาไม่น้อย และกรรมยังแรงอยู่มาก การจะช่วยนั้นไม่ง่าย และยิ่งยากกว่าถ้าเขาไม่เปิดใจ ส่วนใหญ่ถ้าปิดใจ โทษคนอื่นว่าเป็นฝ่ายผิดท่าเดียวแล้ว เธอแทบไม่เห็นหนทางจะช่วยได้เลย ถ้าเขาไม่ช่วยเหลือตัวเองแล้ว ใครจะช่วยได้
พราวฟ้าฮึด ลองพยายามดูอีกสักตั้ง ด้วยความตั้งใจปรารถนาดี อยู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นมา
“สิ่งที่น้องเจอ อาจจะเป็นกรรมที่น้องทำไว้กับแม่ตัวเองก็ได้นะคะ”
“หนูทำอะไรแม่”
“ก็หนูมีอะไรกับแฟน แม่หนูไม่รู้ใช่ไหม”
“ก็มันร่างกายของหนู หนูทำอะไรผิด”
“มันเป็นร่างกายที่แม่หนูอุ้มท้องมา และส่งเสียเลี้ยงดูเติบโตขึ้นมาจนมีวันนี้ค่ะ ถ้าไม่มีแม่อุ้มท้อง ให้นม ให้น้ำ ให้ข้าวกิน น้องจะมีชีวิตอยู่มาได้ยังไง ที่น้องทำอยู่ ที่จริงก็คือการผิดศีลข้อ 3 ข้อกาเมสุมิจฉาจาร ทำให้คนที่เค้ามีสิทธิ์ในตัวเราเป็นทุกข์”
“หนูคิดว่า ศีลข้อนี้หมายถึงเราไปแย่งสามีภรรยาของคนอื่นเท่านั้น”
“หมายรวมถึง หญิงที่ยังอยู่ในความดูแลคุ้มครองของพ่อแม่ ญาติ ด้วยค่ะ”
“หมายความว่า ถ้าหนูทำงานเลี้ยงตัวเองได้แล้วก็ไม่ผิด”
“ก็ไม่เชิง ถ้าทำให้คนที่เลี้ยงดูหนูมาเสียใจ ทำด้วยอกุศลจิต ก็เป็นบาปอยู่ดี การที่ต้องปกปิด เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นความอึดอัดใจ”
“แม่ไม่รู้ แม่ไม่ได้ทุกข์ หนูจะบาปได้อย่างไร”
“บาปมันเกิดขึ้นตั้งแต่น้องทำกรรมด้วยจิตที่เป็นอกุศลแล้วค่ะ”
“หนูเคยได้ยินพี่บอกว่า แท้จริงที่เข้าใจว่ามีเรา มีเขา ก็เพราะสำคัญมั่นหมายผิด ที่จริงตัวเราไม่มี มีแต่ธาตุดินน้ำลมไฟมาประชุมกัน ถ้างั้นที่จริงหนูก็ไม่ได้เป็นของใครสิ หนูจะบาปได้อย่างไร”
“ถ้าหนูปล่อยวางแล้วได้จริง เชื่อว่าหนูเป็นแค่ก้อนธาตุจริง หนูก็คงไม่ทุกข์เรื่องแฟนหรอก แต่เพราะใจหนูยังปล่อยไม่หมดจริง ยังไม่เกิดปัญญาจริง ก็แปลว่ายังยึดก้อนธาตุ แล้วยังทำบาป น้องก็ต้องได้รับผล ถ้าน้องปล่อยวางได้แล้วได้จริง น้องจะไม่เห็นแก่ตัวเอง และไม่ทุกข์เลย”
พราวฟ้าเห็นว่าหนูเล็กยังไม่เข้าใจธรรมะจริง ๆ แค่จับเอาบทธรรมข้อใดข้อหนึ่งมาสนับสนุนการทำผิดของตัวเอง ได้โอกาสหนูเล็กเงียบราวกับจนมุมกับการเถียงข้าง ๆ คู ๆ จึงตั้งใจแนะนำธรรมในระดับต้น ๆ ที่เธอน่าจะรับได้มากกว่า
"เหตุผลที่เราจะทุกข์หนัก นอกจากเกิดเพราะกรรมเก่าแล้ว ที่สำคัญคือกรรมใหม่ด้วย แปลว่าน้องต้องยังมีความเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อย จึงทุกข์มากได้ขนาดนี้ ลองสังเกตดู ตอนมีความรู้สึกแต่ว่าไม่ยอม ๆ ใจมันดิ้นเร่าร้อนแค่ไหน น้องเคยร้องไห้หนัก ๆ ไหมคะ"
"เคยค่ะ"
"ครั้งหน้าน้องลองสั่งตัวเองนะ บอกตัวเองเลย อยากร้องร้องไปเลย อยากโง่นัก เจ็บไม่จำ รู้ว่าเค้าไม่ดีเเล้วยังตัดใจไม่ได้ โง่นัก ร้องไปเลย อย่าหยุดนะ คิดอย่างนี้แล้วมันกลับจะหยุดเองเลย"
"ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้"
"ก็เพราะใจน้องยอมรับตามจริง ใจยอมรับ มันหยุด มันไม่ดิ้นอีก ความสงบนี่แหละคือความสุข ความดิ้นรนคือตัณหา ยิ่งดิ้นยิ่งไม่ยอมยิ่งทุกข์"
"ค่ะ"
" เหตุของความทุกข์ขึ้นอยู่กับกรรมปัจจุบันมากกว่ากรรมเก่าด้วยซ้ำค่ะ กรรมเก่าเกิดไปแล้วแก้ไขไม่ได้ ถึงเวลาก็ต้องรับ แต่รับแล้วมีวันจบ
ที่จริงน้องทุกข์เพราะกรรมปัจจุบันมากกว่ากรรมในอดีตเสียอีก เห็นไหม คิดโกรธเมื่อไหร่ ใจทุกข์ทันที นี่แหละกรรมทันตาเห็น
แต่ละคนโดนทำร้ายทางกายเท่ากัน แต่ทุกข์ทางใจไม่เท่ากัน เพราะใจแต่คนมีกิเลสไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างในสมัยที่พระพุทธเจ้ากำลังสร้างบารมี ท่านรับกรรมเก่า โดนทำร้ายร่างกาย ท่านทรมานเหมือนกัน แต่ท่านขัดเกลากิเลส ทุกข์ทางใจท่านไม่มากเท่าคนปกติที่มีความโกรธมาก จนท่านบรรลุธรรม แม้โดนใครทำร้าย กลั่นแกล้ง ท่านไม่มีความทุกข์ใจเลย
ที่จริงแล้ว จะสุขหรือทุกข์ อยู่ที่เรา"
“ตอนเจอกันใหม่ ๆ เขาบอกว่ารักหนูมาก ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“พี่ว่าที่จริงน้องและแฟนยังไม่รู้ว่าความรักคืออะไรด้วยซ้ำค่ะ แต่ละคนวาดภาพว่าความรักเป็นอย่างไรต่างกัน ตามความเชื่อความคิดของตนเอง แต่ละคนก็เลยมีรักแล้วสุขทุกข์ไม่เท่ากัน ยิ่งผู้ชายนี่จะอยากมีอะไรกับใคร ไม่จำเป็นต้องรักก็ได้ ผู้หญิงต้องระวังให้ดี แทนที่จะให้เขาชิงบอกว่า ถ้าเธอรักฉันเธอต้องมีอะไรกับฉัน ต้องยอมฉัน ให้บอกไปเลยว่าถ้าเธอรักฉันเธอต้องรอได้ และวัดความอดทนเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้รักเราเพียงเพราะอยากมีอะไรกัน เรื่องแบบนี้ถ้าพลาดแล้ว คนที่ซวยสุดอย่างไรก็เป็นผู้หญิงค่ะ ไม่ว่าจะท้องจนคลอด หรือเอาเด็กออก
น้องยังไม่รู้จักรักกันเลย จะไปเชื่อคำบอกรักกันง่าย ๆ ได้ไง
ถ้าน้องรู้ตั้งแต่วันแรกว่าเขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่วันแรก น้องจะรักเขาไหม”
“ไม่ แน่นอนค่ะ!!”
“ที่จริงเขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ แต่น้องไม่ทำความรู้จักเขาให้ดีก่อน จนน้องปล่อยตัวปล่อยใจ เขามาแสดงตัวจริงที่เปลี่ยนไป น้องก็เข้าใจผิดว่าเขาเปลี่ยน ที่จริงคือน้องยังไม่ได้ทำความรู้จักเขาให้ดี ด่วนสรุปว่ารักเร็วไป ให้จำไว้เป็นบทเรียน คนเราต้องทำความรู้จักกันให้ดีก่อน เราบอกว่ารักใครทั้งที่ยังไม่รู้จักเขาไม่ได้”
“หนูยอมตามใจเขาทุกอย่าง นี่ไม่ได้เรียกว่ารักหรือคะ”
“ถ้ายอมเพราะหวังให้เขาเห็นค่า ยอมเพราะหวังผลอะไรบางอย่าง ไม่เรียกว่า รัก ค่ะ ยิ่งยอมกลับยิ่งรู้สึกไร้ค่า น้องยอมมากไปเพราะไม่เห็นค่าตัวเองต่างหาก
ความรักจริง ๆ คือการรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ได้หมายความว่าต้องทุ่มเทให้กับเจ้ากรรมนายเวรคนนี้นะคะ แต่ฝึกเป็นผู้ให้ ฝึกปรารถนาดี เสียสละเพื่อความสุขของคนอื่นบ่อย ๆ ได้ ‘ทุกคน’ เพื่อลดความเห็นแก่ตัว เมื่อน้องทำดีได้จากใจ น้องจะเห็นค่าตัวเองได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาชื่นชม
น้องคิดว่าน้องขาดความรัก แต่ที่จริงมันเป็นเพราะน้องคิดไปเองหรือเปล่า สร้างเงื่อนไขไปเองหรือเปล่าว่าต้องได้อย่างนั้นอย่างนี้จึงจะมีความสุข ผู้ชายคนนี้ทำร้ายน้องก็จริง แต่น้องยังมีพ่อแม่ที่รักน้องไม่ใช่หรือ น้องมีรักอยู่ แต่น้องไม่เห็นค่าเช่นกัน น้องก็เลยเจอแต่คนไม่เห็นค่าน้อง”
หนูเล็กจุกเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเรื่อง “หนูไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ เก็บเด็กไว้ก็ทุกข์ เอาออกก็กลัว”
“เอางี๊ พี่แนะนำน้องให้ไปทำบุญ ถ้ามีบุญพอ กรรมเก่าน้องไม่แรงเกินไป อาจพอช่วยให้เห็นทางออกบ้าง แนะนำให้ไปทำสังฆทานสักหลาย ๆ วัด เลือกวัดพระดี พี่แนะนำวัดวิมุตติวัดนึง ของถวาย ให้เลือกของใช้อย่างตั้งใจ ไม่ต้องเน้นราคา หรือปริมาณมากก็ได้ แล้วแต่ทุนทรัพย์ แต่เน้นความตั้งใจว่าเราอยากให้พระได้ใช้ของดีที่มีประโยชน์ เพื่อจะได้ปฏิบัติธรรมตามหน้าที่ของสงฆ์อย่างไม่ลำบากเพื่อสืบทอดอายุศาสนา ตอนถวายให้ตั้งใจระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสร็จแล้วกรวดน้ำอุทิศบุญให้เทวดาอารักษ์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร ขอให้เรามีปัญญาพ้นทุกข์”
“ค่ะ หนูจะลองทำดู ว่าแต่ เราจะรู้ได้ไงว่าวัดนั้นเป็นวัดพระดีคะ”
“ก็ไม่ต้องถึงขนาดคิดมาก สงสัยเยอะ เอางี๊ก่อนออกจากบ้าน สวดมนต์ไหว้พระที่บ้านก่อนออก บอกว่าเราตั้งใจทำบุญเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น ขอให้ได้เจอวัดพระดี”
“ค่ะ”
“โชคดีนะคะ ได้ผลอย่างไรแล้วมาบอกพี่ด้วย อย่าเพิ่งไปเอาเด็กออก ถ้ายังไม่ได้คุยกับพี่อีกครั้งนะ”
“ค่ะ ขอบคุณพี่มากค่ะ”
**************************
วันต่อมาหนูเล็กตื่นแต่เช้า ไหว้พระสวดมนต์ ทำตามที่พราวฟ้าแนะนำ ตั้งใจทำบุญเพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น เพื่อความพ้นทุกข์ ขอให้พบทางออก เสร็จแล้วออกไปซื้อข้าวของ เดินทางไปวัดต่าง ๆ แต่เลือกไปวัดวิมุตติที่พราวฟ้าแนะนำเป็นที่สุดท้าย เพราะอยู่บนเส้นทางที่ไกลสุดจากตัวบ้าน เมื่อไปถึงวัดหนูเล็กเจอหลวงพ่อพอดี ได้เข้าไปกราบทำบุญแล้ว หลวงพ่อชวนคุย
“ว่าไงเรา เคยปฏิบัติธรรมไหม”
“เคยบ้างเหมือนกันค่ะ ที่โรงเรียนเคยสอน”
“ก่อนกลับ หลวงพ่อขอให้ทำบุญอีกอย่างได้ไหม นั่งสมาธิสักแป๊บหนึ่ง”
หนูเล็กรับคำ
เพิ่งทำบุญเสร็จ จิตใจผ่อนคลาย จิตจึงมีพื้นฐานใจสงบพอสมควร ภาวนาได้ง่ายกว่าตอนจิตใจวุ่นวาย หลวงพ่อจึงเริ่มนำนั่งสมาธิ หลังจากนั่งสมาธิเสร็จ หนูเล็กก็กลับบ้าน โทรหาแฟน แฟนไม่รับ หนูเล็กเริ่มกลับมาเครียดอีก วันที่สอง วันที่สามก็ยังไม่รับ หนูเล็กจึงโทรหาเพื่อน ด้วยความที่ยังเห็นโลกไม่มาก เพื่อนหนูเล็กก็เหมือนหนูเล็ก มองแต่อนาคตสั้น ๆ จึงยุให้ไปเอาเด็กออก หนูเล็กตัดสินใจเข้าไปคลินิกทำแท้งในวันต่อมา
ที่คลินิก หนูเล็กเห็นเด็กสาวหลายคน บางคนมากับแฟน บางคนมากับเพื่อน บางคนมาคนเดียว บางคนอายุน้อยกว่าเธออีก การทำแท้งมีความเสี่ยง ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแล้วจะปลอดภัย บางคนติดเชื้อ บางคนตกเลือดถึงขั้นเสียชีวิตก็มี บางคนรู้ แต่ยอมเสี่ยงเพราะคิดว่าทางตันแล้ว ไปต่อไม่ได้ เพียงเพราะยังไม่เห็นอนาคต จึงคาดเดาไปเองด้วยความกลัวไปก่อน หลังจากหนูเล็กเอาเด็กออก หนูเล็กมีอาการปวดท้องมาก ต้องกินยาหลายวันกว่าจะหาย หนูเล็กส่งข้อความไปบอกแฟนว่าเธอเอาเด็กออกแล้ว วันต่อมาแฟนจึงโทรกลับมา
หนูเล็กไม่เข้าใจตัวเองทำไมรู้สึกว่าแฟนเลวร้ายมาก แต่ก็ยังตัดไม่ขาด ยังกลับมาคบกันต่อ แต่คบกันแล้วก็ไม่มีความสุขเลย จนจุดที่ความทุกข์เพิ่มขึ้นอย่างสูงสุดก็คือ วันหนึ่งหนูเล็กจับได้ว่าแฟนมีผู้หญิงอีกคนด้วย หนูเล็กรู้สึกเคว้งมาก เรื่องการเรียนอะไรทุกอย่างแย่ลงหมด ที่เค้าบอกว่าคนทำแท้งทำอะไรก็จะติดขัดหมดเห็นจะจริง เธอรู้สึกเหมือนมีตราบาปติดตัว เป็นแผลที่มองไม่เห็นแต่บาดลึกทุกครั้งที่นึกถึงความผิดของตัว หนูเล็กหันมาพึ่งยานอนหลับ
คืนหนึ่งระหว่างที่กำลังรู้สึกเคลิ้ม ๆ กำลังจะหลับ หนูเล็กรู้สึกเหมือนมีมือเล็ก ๆ เย็น ๆ มาจับที่มือเธอข้างหนึ่ง หนูเล็กรู้สึกขนลุกวูบ
“แม่.... ฆ่าหนูทำไม.... หนูทำอะไรผิด” เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเด็กเล็ก ได้ยินแล้วรู้สึกเย็นวาบสุดขั้วหัวใจ แต่แปลกที่เหงื่อในตัวเริ่มไหลออก แล้วอยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลล้นออกมา
“หนูทำอะไรผิด แม่ฆ่าหนูทำไม แม่ว่าพ่อเลวที่ทำร้ายแม่ แล้วหนูทำอะไร...”
หนูเล็กร้องไห้หนัก “แม่ขอโทษ...”
ดวงตาของหนูเล็กเปิดขึ้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือพระผู้ดูสงบน่าเลื่อมใส
“หลวงพ่อ..” น้ำตายังนองหน้าอยู่ “นี่ นี่หนูยังอยู่ที่เดิมหรือคะ นี่หนูยังไม่ได้ลุกไปไหน”
“เป็นไงล่ะ ได้เห็นอนาคตแล้ว ถ้าเห็นอนาคตแล้วว่าจะเป็นอย่างไร จะทุกข์สาหัสกว่าเดิมอีกแค่ไหนจากผลกรรม จะยังทำอีกหรือ”
“ไม่ค่ะ หลวงพ่อ หนูจะไม่ทำ ไม่มีวันทำ”
“ดี กล้าทำต้องกล้ารับนะ ทำผิดแล้วอย่าทำผิดอีก เหมือนผูกปมให้ยิ่งแก้ยาก”
**************************
หนูเล็กแวะซื้อพวงมาลัยอย่างงามที่สุดก่อนกลับบ้าน กลับถึงบ้านแล้ว หนูเล็กเดินตรงเข้าไปหาแม่ กราบที่เท้าแม่ แม่ของหนูเล็กงง เพราะไม่เคยเห็นหนูเล็กทำอย่างนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเหมือนไม้เบื่อไม้เมากัน
“แม่.. หนูเล็กขอโทษ…”
“แกเป็นอะไรของแกเนี่ย”
“หนูเล็กท้อง”
ห้องทั้งห้องเงียบสงัดไปชั่วขณะ แต่เหมือนยาวนานเป็นชั่วโมง แม่หนูเล็กไม่พูดอะไรเลย ได้แต่ร้องไห้ จากที่ไม่เคยกอดลูกเลยก็กอดแน่น
“ทำไมทำอย่างนี้ แกไม่รักแม่เลยเหรอ”
“หนูขอโทษนะแม่” หนูเล็กสวมกอดแม่กลับอย่างเต็มแรงด้วยความเจ็บปวด
“มัน มันเป็นใครที่ทำให้แกท้อง”
“เด็กในท้องหนูไม่มีพ่อค่ะ มันบอกแล้วว่าจะไม่ยอมรับ”
“ไม่เป็นไร แม่จะเลี้ยงหลานแม่เอง ช่างหัวมัน” สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้
หลังจากวันนั้นหนูเล็กพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ฝึกให้ ฝึกยอมเสียสละเพื่อคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะกับแม่ ที่ก่อนหน้านั้นเข้าใจว่าแม่มีหน้าที่ต้องเลี้ยงเธอ และเธอไม่ได้ซาบซึ้งกับความรักของแม่เลย พอเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ให้เป็น ใจก็เริ่มเปิด เข้าใจว่าการให้มีค่าเพียงใด เมื่อก่อนมีแต่ความอยากได้ แต่อยากได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ตอนนี้ให้เป็นแล้วกลับรู้จักคุณค่าของการได้รับมา คุณค่าของการให้ของผู้อื่น
หนูเล็กเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมา ที่จริงแล้วแม่รักเธอแค่ไหน รู้ว่ารักก็ตอนเธอยอมเปิดใจ ไม่ได้มองจากมุมที่อยากให้แม่เป็นอย่างใจ และทำอย่างที่เธอต้องการอย่างเดียว ที่ผ่านมาหนูเล็กคิดแค่ว่าอยากให้แม่เลิกพูดคำหยาบ เลิกด่า เลิกบ่น ทำตัวอ่อนโยน ไม่ยัดเหยียด แต่ไม่เห็นแม่ในมุมอื่นเลย แม่ที่ตั้งใจให้ความรักในแบบของแม่ แม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงเธอมาคนเดียวเพราะพ่อทิ้งไปมีคนอื่น แม่ด่าเพราะไม่รู้จะสอนเรายังไง ตอนนี้หนูเล็กเข้าใจแม่แล้ว
**************************
“เรื่องก็เป็นอย่างนี้ค่ะ พี่ฟ้า ขอบคุณพี่ฟ้ามากนะคะ ที่ช่วยแนะนำหนู”
“พี่ดีใจกับน้องด้วยนะคะ ว่าแต่น้องไม่อาย ไม่กลัวที่จะเป็นคุณแม่ยังสาวแล้วใช่ไหมคะ”
“หนูควรจะอายตอนทำผิดมากกว่าค่ะ ตอนนี้หนูเป็นคนใหม่ หนูกล้ารับผิดและตั้งใจทำสิ่งที่ดี หนูไม่อายแล้ว”
“ดีมากเลยค่ะ พี่ดีใจกับน้องมาก ๆ เลย พี่เชื่อว่าลูกของน้องต้องเกิดมาเป็นเด็กดีแน่”
“ตอนนี้หนูคาใจอยู่เรื่องเดียวค่ะ เมื่อก่อนหนูเกลียดพ่อมาก ใจนึงตอนนี้ก็ยังเกลียด เพราะพ่อทิ้งแม่ไปอยู่กับผู้หญิงอื่น ทิ้งหนูกับแม่ไว้ แต่ใจนึงหนูรู้สึกว่าควรรักพ่อ ลูกที่ดีต้องรักพ่อ”
“มองแยกกันสิคะ พ่อทำไม่ดีกับแม่ก็เป็นเรื่องของพ่อกับแม่ แม่ก็ต้องทำกรรมเช่นนี้มา จึงต้องมาเจอพ่อทำแบบนี้ และ..หนูก็ต้องทำกรรมเช่นนี้มา จึงต้องมาทุกข์ใจที่มีพ่อแบบนี้และเจอแฟนแบบนี้..”
“อา... จริงด้วย หนูเกลียดพ่อที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ดันมาหลงรักผู้ชายที่เป็นแบบนี้”
“ใช่แล้วค่ะ หนูต้องเข้าใจว่าสิ่งที่หนูเจอมันเกิดจากกรรมของตัวหนูเอง และที่จริงพ่อก็อาจมีเหตุผลที่เราไม่รู้ หรือแม่อาจจะร้ายกับพ่อมาก พูดจาไม่ดี ดูถูกพ่อก็ได้ พ่อเลยทนไม่ไหวไปมีคนใหม่ ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องว่าใครไม่ดี หรือใครผิดก่อน ผิดมากกว่า แต่มันคือเรื่องของความไม่รู้ เราทุกคนถูกกิเลสหลอก ตัวน้องเองก็เคยคิดทำพลาด ทำผิดเพราะความไม่รู้เหมือนกัน”
“พี่บอกว่า แม่หนูเจอพ่อทำแบบนี้เพราะกรรมเก่า งั้นหนูอ้างได้ไหมคะว่า แม่หนูก็ทำไม่ดีกับพ่อเพราะกรรมเก่า หนูก็ทำไม่ดีกับแฟนเก่าเพราะกรรมเก่า”
“เพราะไม่รู้ คนเราจึงตกเป็นทาสของกิเลส ของกรรมเก่าให้พาไปทุกข์ ถ้าหนูมีความเห็นที่ถูกตรงแล้ว หยุดกรรมที่ตัวหนู ไม่หลงเชื่อกิเลส บาปเวรที่เหมือนโซ่ที่ยึดใจหนูไว้ก็ขาด ถ้าเราสร้างบุญเรื่อย ๆ ทำดีเรื่อย ๆ เราจะไม่หลงเชื่อกิเลสด้านร้ายทำไม่ดี เราจะหลุดจากวงจรอกุศลนี้ คนอื่นเขาไม่รู้ เขาไม่มีปัญญา เขาทำตามกิเลส โลกจึงแย่ลง”
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว แล้วหนูควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ”
“ลองไปหาพ่อ แล้วกราบขอโทษ ขออโหสิจากพ่อด้วยสิคะ”
หลังจากนั้นหนูเล็กได้ไปกราบขอโทษพ่อตามที่พราวฟ้าแนะนำ ตั้งใจสำนึกผิดจากใจจริง ช่วงที่ตั้งท้องและพักการเรียน หนูเล็กเข้าวัดไปปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ และบางคราวก็สลับไปช่วยงานที่บ้านอุ่นใจ เป็นสถานสงเคราะห์ที่ทำหน้าที่ช่วยและแนะนำผู้หญิงที่ไม่พร้อมจะท้อง หรือพลาดทำผิด วันละเล็กละน้อย หนูเล็กรู้สึกได้ว่าเธอเริ่มลืมแฟนเก่าไปได้เอง
**************************
เวลาผ่านไป 1 ปี...
“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า พี่ฟ้าจำหนูเล็กได้ไหมคะ”
“จำได้ซีคะหนูเล็ก เป็นยังไงบ้าง ได้ลูกสาวหรือลูกชาย”
“ลูกชายค่ะ น่ารัก เลี้ยงง่ายมากเลย”
“ดีใจด้วยนะคะ ดูเหมือนตอนนี้ชีวิตน้องสว่างขึ้นเยอะ”
“มาก ๆ ค่ะพี่ฟ้า ตอนนี้หนูมีแฟนใหม่แล้วด้วยนะคะ เค้าเป็นนักศึกษาฝึกงานที่สถานสงเคราะห์ที่หนูไปช่วยงานในช่วงท้อง เค้าเป็นคนดีมากค่ะ เค้าไม่รังเกียจหนูกับลูก แถมยังดูแลหนูและลูกดีมาก”
“ดีใจด้วยเป็นที่สุดเลยค่ะ เราเปลี่ยน กรรมเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ นะคะ”
“พี่นี่พูดเหมือนหลวงพ่อเปี๊ยบ”
“หลวงพ่อพูดว่าอย่างไรบ้างคะ”
“หลวงพ่อบอกว่า เป็นเพราะหนูเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ ถ้าเป็นคนเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม ก็จะหลงแต่คนแบบเดียวกัน ต้องทุกข์ไม่เลิก แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนดีใหม่แล้ว เลยเลิกหลงได้เอง เลิกได้แล้วก็มีความสุขขึ้น เห็นชัดว่าที่ผ่านมาไม่ได้กำลังหวงสุขอยู่ แต่หวงทุกข์ชัด ๆ ! ตอนนี้ฉลาดขึ้นจึงมีความสุข และรู้จักว่าคนดีเป็นยังไงค่ะ”