ฝึกเอาใจใส่ด้วยการรู้ใจ

beachความเอาใจใส่กันและกันจะช่วยทำให้คุณสองคนรู้สึกเหมือนร่วมเดินกันจริงๆ 

แตกต่างหากต่างฝ่ายต่างนึกถึงความรู้สึกตนเองก็เหมือนคนสองคนที่หันหลังชนกัน 

โดย คุณดังตฤณ
ที่มา หนังสือรักแท้มีจริง

การพยายามอ่านความคิดคนอื่น อาจไม่ช่วยให้คุณรู้ใจตัวเองดีขึ้น แต่การรู้ใจตัวเองดีขึ้น จะช่วยให้คุณอ่านความคิดคนอื่นออกอย่างรวดเร็ว 

มนุษย์เรานี่นะครับ ที่อยากให้รู้ใจน่ะ เอาเฉพาะใจตอนที่คิดดีๆหรอก แต่ถ้ามารู้ใจตอนกำลังคิดร้ายๆหรือน่าอับอายล่ะก็อีกเรื่องหนึ่งเลยที่ตรงนี้เรามาวิเคราะห์กันก่อน ว่าการมี ‘คนรู้ใจ’ ไปหมดทุกเรื่องนั้น เป็นสิ่งน่าพอใจหรือน่าหลีกเลี่ยงกันแน่?คำตอบว่าดีหรือไม่ดี แปรไปตามสถานการณ์ครับหากคุณครึ่งรักครึ่งชัง ยังเล่นบทพ่อแง่แม่งอน หรือเอาเถิดเจ้าล่อ ผลัดกันเมินผลัดกันมอง แบบนี้ให้เขารู้แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ เพราะแค่เขาทราบว่าคุณมีใจให้หรือใคร่มีเซ็กซ์ด้วย คุณคงอยากมุดท่อหนีหายไปเดี๋ยวนั้นแล้ว และอาจไม่อยากเจอกันอีกเลยตลอดชีวิตด้วย!

แต่หากคุณรักแสนรักใครสักคนจนรู้สึกราวจะควักหัวใจมาให้เขากำเล่นได้ แบบนั้นจะมีสิ่งใดเล่าที่คุณไม่ยอมให้เขารู้ได้อีก ยิ่งเขารู้ทะลุทะลวงสิ้นไส้สิ้นพุงเพียงใด ก็ยิ่งทำให้คุณดีใจที่เขารู้จักคุณมากขึ้นเท่านั้นบทนี้เรามุ่งให้คนรักได้รู้จักรักษาความรู้สึกที่ดีต่อกันไว้ ฉะนั้นต้องบอกว่า ‘ดีเหมือนกันถ้ารู้ใจคนรักเสียบ้าง

เพราะการรู้ใจจะทำให้คุณปฏิบัติตัวถูก แบบทราบทางลมว่าควรไปทางไหนอย่างไร 

 จะดีไหมถ้าคุณพูดกับคนรักดีๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบึ้งใส่ คุณไม่ต้อง ‘ทำความเข้าใจ’ ให้เหนื่อย ก็แค่รู้ว่าคนรักกำลังอารมณ์บ่จอยเรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องเงิน ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องคุณ!

จะดีไหมถ้าคุณอยากมีเซ็กซ์ แต่เห็นเข้าไปในสภาพร่างกายและจิตใจของคนรัก แล้วรู้ว่ากำลังเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะมารับศึกกับคุณไหว คุณจึงเข้าใจและไม่อยากรบกวน ไม่เริ่มรุกให้คนรักรำคาญใจตั้งแต่ต้น

เมื่อคำนึงว่าเมื่อคนเราตกลงปลงใจร่วมหอลงโรงกันแล้ว ความรู้สึกนึกคิดในหัวคงเป็นอะไรที่ ‘ปิดแบบอยากเปิด’ ไม่ต่างจากของลับทางกายสักเท่าใด เห็นครั้งแรกอาจเหนียมอยู่บ้าง แต่ดูบ่อยเข้าก็เฉยๆ ไม่ตื่นเต้นอะไรอีก แล้วจะรู้สึกดีด้วยถ้าเอาใจของกันและกันมาใส่ใจกัน

พอไม่ตื่นเต้นกับการรู้ใจกันและกันนั่นแหละ แปลว่าสนิทยิ่งกว่าสนิท มีความแน่นแฟ้นเหนือคู่รักอื่นอย่างเทียบกันไม่ติด ลองคิดดูว่าคนเราถ้าเปิดอกเผยใจกันเต็มร้อย ไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายจะดูแคลนหรือเกลียดกลัว สามารถพูดปรึกษาตรงไปตรงมาแบบคิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ราวกับคุยอยู่กับตัวเอง มันจะวิเศษขนาดไหน?เมื่อต่างฝ่ายต่าง เห็นใจ’ กันจริงๆ คุณจะรู้สึกเหมือนบ้านเป็นวิมาน และไม่ต้องการความเห็นใจจากใครอีกทั้งโลก!

 

แล้วอันที่จริงก็ไม่น่าตื่นกลัวอะไรมากหรอกนะครับ เพราะที่จะให้ล่วงรู้เข้าไปละเอียดเป็นคำๆนั้น ใช่จะหาคนทำได้ง่ายๆ คนทำได้นี่ยากที่จะอยากใช้ชีวิตคู่ เนื่องจากต้องไม่ฝักใฝ่กามารมณ์ ต้องไม่มีอคติหยาบๆ ต้องสะอาดด้วยศีลระดับสูง ต้องปราศจากความฟุ้งซ่านซัดส่าย จิตจึงเสถียรพอจะอยู่ในภาวะเป็นใหญ่สงัดเงียบผ่องใส สามารถรับคลื่นความคิดของใครต่อใครได้แบบเป็นคำๆ

จุดมุ่งหมายหลักสำหรับส่วนที่เหลือของบทนี้ คือการแนะให้คุณรู้เฉพาะสิ่งที่ควรรู้ เพื่อเอาไว้รักษาความรู้สึกต่อคนรักไปนานๆ และเป็นอะไรง่ายๆที่คนรักควรรู้กันอยู่แล้ว เช่น จิตกำลังมีราคะหรือไม่มีราคะ จิตกำลังมีโทสะหรือไม่มีโทสะ จิตกำลังมีความหลงผิดหรือไม่มีความหลงผิด เป็นต้น

ผมจะทำให้คุณรู้สึกว่าระหว่างเล่นกับความรัก คุณสามารถเล่นกับจิตไปด้วยพร้อมกัน พูดง่ายๆคือเอาความรักที่มีอยู่นั่นแหละ มาทำความรู้จักกับจิตตัวเองและคู่ครองให้รู้ดำรู้แดงกันไป แล้วคุณจะรู้ว่าความรักที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างล้นหลามนั้น เกิดขึ้นขณะฝึกรู้ใจนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องรู้ใจกันได้จริงๆเสียก่อนเลย เพราะวิธีฝึกรู้ใจนั่นเองจะทำให้คุณเกิดนิสัย ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ มากขึ้น

สรุปคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นแหละครับ ตัวการสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนรักแนบแน่นขึ้น 

 

ฝึกรู้จักกระแสความรักของคนอื่น

ฝึกจำกระแสจิตประกอบคำพูดตอนคนรักคิดอะไรในหัว ถ้าไม่พูดคุณก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร และต่อให้เขาพูดอะไรออกมา ก็ไม่แน่ว่าสิ่งนั้นจะตรงกับความคิดที่แท้จริงหรือไม่ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าคุณอุตส่าห์ไปเลือกดอกไม้มากำนัล เมื่อถามคนรักว่า ‘สวยไหม?’ แน่นอนต้องมีการตอบตามธรรมเนียมทันทีว่า ‘สวย!’คำตอบหรือคำอุทานสั้นๆนี่จะเป็นแบบฝึกหัดให้เข้าไปรู้ความคิดข้างในได้ อย่างดี อย่างเช่นคำว่า ‘สวย’ คำเดียว คุณฟังแล้วบอกได้ว่าอะไรเป็นตัวขับออกมา

ถ้าออกมาจากหัวใจที่พองโต คุณจะรู้สึกถึงแรงปีติในอากาศ กลางอกของคนตอบจะเปิดโล่งเบ่งบาน แล้วก็เนิ่นนานพอสมควร

ถ้าออกมาจากความยินดีธรรมดาๆ คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่เฉยๆ กลายเป็นสุขสดชื่นเล็กน้อย แล้วจางลงอย่างรวดเร็ว

แต่หากออกมาจากการเล่นละคร คุณจะรู้สึกถึงความว่างเปล่า มีแต่การฉีกยิ้มหรือส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดภายนอก ไร้ปีติสุขภายในอย่างสิ้นเชิง

และหากถึงขั้นออกมาจากการฝืน ‘กัดฟันพูด’ คุณจะรู้สึกถึงอาการกลั้นใจและอึดอัดกลางอกหน่อยๆ กับทั้งคาอยู่อย่างนั้นค่อนข้างนานกว่าจะหายไป

การสังเกตความรู้สึกของอีกฝ่ายขณะตอบคำถามหรืออุทานสั้น จะพาคุณเข้าไปลึกกว่านั้น คุณจะสังเกตเห็นว่าก่อนเปิดปากพูด ทุกคนจะมีห้วงความคิดหนึ่งเกิดขึ้นก่อน และส่งเป็นคลื่นไร้รูปออกมาให้คุณสัมผัสได้ คล้ายคลื่นกระแทกที่มีความแรงหรือความเบาต่างกัน คุณไม่ต้องพยายามแปล ไม่ต้องตีความใดๆทั้งสิ้น แค่สังเกตและจดจำ กระแสแบบนั้น’ ที่ส่งออกมาจากฝ่ายนั้นเอาไว้เฉยๆ 

ความคิดในหัวของคนๆหนึ่ง ก็คือคำพูดของเขาที่คุณได้ยินอยู่เรื่อยๆนั่นแหละครับ ใช้คำพูดไหนเป็นประจำ คำพูดนั้นก็จะอยู่ในหัวของเขาบ่อยหน่อย หากคุณจับกระแสจากใจในขณะที่เขาพูดได้ คุณก็จะจำได้เมื่อมันเกิดขึ้นอีก แม้เขาจะไม่เปิดปากเปล่งเสียงออกมาเลยก็ตาม 

ยกตัวอย่างเช่นถ้าเขาเป็นคนชอบพูดคำว่า ‘บ้าจริงๆ!’ คุณจะได้ยินเขาอุทานทุกครั้งที่อยากด่าใคร แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่เขาเกรงใจ ก็จะมีแต่คำว่า ‘บ้าจริงๆ!’ หรืออะไรคล้ายๆอย่างนั้นอยู่ในหัว โดยไม่เล็ดรอดออกมาทางปาก ทว่าคุณก็จะจับได้ว่ามันอยู่ในหัวเขา เพราะจำแบบแผนคลื่นความคิดเดียวกันได้

ความคิดที่ประกอบด้วยอารมณ์จะถูกเห็นง่ายกว่าความคิดประเภทสักแต่คิด ยกตัวอย่างง่ายที่สุดเช่นคำว่า ‘เอา’ ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนตอบว่า ‘เอา’ จะเจือด้วยกระแสความรู้สึกเต็มใจ จริงจัง ในขณะที่อีกคนพูดคำเดียวกันนี้จะเบาโหวง เรื่อยเฉื่อยไม่หนักแน่นคล้ายเอาก็ได้ไม่เอาก็ไม่เป็นไร

หากยินดีจะฝึกรู้ใจกันจริงๆ เพื่อให้เชื่อมั่นว่าไม่ใช่อุปาทานหลอกๆ ก็ให้เอาเศษกระดาษเล็กๆมาสามชิ้น เขียนเลข ๑ ถึง ๓ ลงไป จากนั้นสุ่มเลือกขึ้นมาชู เพื่อให้คนรักอ่านเลขนั้นๆออกเสียงอย่างเต็มปากเต็มคำ เลือกสลับไปสลับมา ระหว่างนั้นคุณก็จับตาดูสบายๆ และพยายามจำให้ได้ว่ามีลักษณะคลื่นจิตแบบไหนปรากฏพร้อมคำพูด หากแยกแยะได้ว่าแต่ละเลขมีคลื่นประจำที่แตกต่างกัน วนเวียนกี่ทีคุณก็สัมผัสได้เป๊ะๆแบบนั้น นั่นแสดงว่าคุณสัมผัสเข้าไปถึงคลื่นความคิดของคนรักแล้ว

ที่จะหมดความสงสัย คือให้คนรักนึกถึงตัวเลขระหว่าง ๑ ถึง ๓ ในหัวโดยไม่ต้องพูดบอก แล้วคุณใช้ความรู้สึกเอา ว่าสัญญาณคลื่นความคิดของคนรักตรงกับเลขใด อันนี้ต้องตกลงกันดีๆด้วยนะครับ ถ้าแกล้งคิดเป็นเลขอื่นหลอกกัน คุณจะสับสนและเสียกำลังใจ ต่อจิตกันไม่ติดไปเลย และสำคัญคือห้ามใช้วิธีดูตาแล้วคาดเดา ย้ำว่าคุณต้องสัมผัสถึงคลื่นความคิดที่ส่งออกมาจากหัวของอีกฝ่ายเท่านั้น

อ่านให้เข้าใจและลองทำตามขั้นตอนข้างต้นอย่างใจเย็น หากทายสิบครั้งคุณถูกเกินห้าครั้งขึ้นไป ให้ถือว่าเริ่มสัมผัสคลื่นความคิดของคนรักได้ และก็อาจจะถึงตาคนรักให้ลองสลับข้างกับคุณบ้างหากต่างฝ่ายต่างทายถูกอย่างแม่นยำ ให้เพิ่มเลขขึ้นทีละหนึ่ง คือเป็น ๔, ๕, ๖ ไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งจะพบว่าไม่ต้องให้คนรักอ่านเลขออกเสียงให้ฟังก่อน คุณก็อาจทายถูก และที่ตรงนั้นคุณจะเริ่มจำคลื่นความคิดที่ซับซ้อนของคนรักมากขึ้นเรื่อยๆได้ โดยเฉพาะความคิดสั้นๆที่เขาหรือเธอชอบพูดให้คุณได้ยินติดหู

นี่เป็นคำอธิบายว่าคู่รักบางคู่พออยู่กันนานๆแล้วทำไมจึงรู้ความคิดกันได้โดย ไม่ต้องพูด คำพูดที่ตรงไปตรงมาต่อกัน ย่อมก่อกระแสความคิดเป็นคลื่นแบบเดิมๆให้คุ้นเคย ซึ่งสัมผัสแล้วจำได้ทันทีว่าแบบนี้ เอา ไม่เอา ชอบ ไม่ชอบ ผิดกับคู่รักส่วนใหญ่ที่แม้อยู่กันมาทั้งชีวิต เห็นกันมาทั้งชีวิต ก็ไม่เคยรู้ใจกันเลย นั่นก็เพราะไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจตน หรือไม่เคยแม้กระทั่งสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังพอใจหรือขุ่นเคือง มีแต่ใส่ใจว่าตนอยากได้สิ่งใด พอใจหรือไม่พอใจอย่างไรท่าเดียว

 

ฝึกรู้สึกถึงกันจากทางไกล

หากฝึกรักษาความรู้สึกกันและกันตามที่กล่าวแล้วทั้งหมดในบทนี้ ก็เท่ากับพวกคุณจูนจิตให้ตรงคลื่นกันได้อย่างยากจะหาคู่ใดเสมอเหมือน พวกคุณจะรู้สึกว่ากำลังมองไปในทางเดียวกันตลอดเวลา เดินควงคู่อยู่บนดิน ก็เหมือนโบยบินไปในฟ้ากว้างด้วยการเป็นปีกซ้ายและปีกขวาให้กับรักแท้

จิตที่ประณีตเสมอกันด้วยบุญ คือมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน คลื่นจิตโดยรวมจะมีความใกล้เคียงกันมาก ยิ่งหากฝึกรู้ใจ เล็งจิตกันและกันเข้าไปอีก พวกคุณจะพบด้วยความอัศจรรย์ใจว่าสิ่งลึกลับในหัวของคนเรา อาจถูกรู้กันได้ง่ายๆแค่นี้เอง ความเพลินในกันและกันจะมีรสหลากหลาย ทั้งทางกายและทางใจ แม้กายห่างกัน ก็เหมือนใจสัมผัสกันได้คล้ายอยู่ใกล้

คุณหาความมั่นใจได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในบ้าน ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องนัดแนะกันเป็นพิเศษ เมื่ออยู่ต่างห้องกันให้นึกถึงคนรัก ถามตัวเองว่าคนรักกำลังสบายใจหรืออึดอัดใจ กำลังเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ทันทีนั้นเอง กระแสความผ่อนคลายหรืออึดอัดจะมาปรากฏในใจคุณทันทีถ้าเป็นสุขสบายใจเต็มที่ จะเห็นเหมือนเกิดแสงสว่างเต็มดวงขึ้นในใจคุณ และพลอยทำให้คุณเกิดความเบิกบานตามไปด้วยถ้าแค่สบายใจธรรมดา จะเห็นเหมือนแสงสว่างครึ่งๆ ซึ่งอาจไม่มีผลใดๆกับความรู้สึกของคุณถ้าอึดอัดใจมาก จะเห็นเหมือนเกิดความมืดขึ้นในใจคุณ และพลอยทำให้คุณเกิดความคับข้องตามไปด้วยถ้าแค่อึดอัดธรรมดา จะเห็นเหมือนความมืดสลัว ซึ่งอาจไม่มีผลใดๆกับความรู้สึกของคุณ

สำรวจดูดีๆว่าคุณแค่ทำความรู้สึกถึงเขาธรรมดาๆ หรือ มีความอยาก’ ให้เขาเป็นสุขเป็นทุกข์แบบหนึ่งๆ ถ้าจับได้ไล่ทันตัวเองว่าตั้งความอยากไว้ ก็ให้ทราบเลยครับว่าความอยากคือตัวเบี่ยงเบนสัมผัสให้บิดเบี้ยวและผิดพลาด 

เพื่อพิสูจน์ว่าคุณรู้สึกถูกต้อง ให้เดินหาคนรักจนเจอ แล้วถามตัวเองซ้ำอีกครั้ง ว่าด้วยอิริยาบถปัจจุบันของคนรักนั้น เขาหรือเธอกำลังรู้สึกอย่างที่คุณสัมผัสได้จากอีกห้องหนึ่งหรือเปล่าและเพื่อยืนยันให้เกิดความมั่นใจชนิดไม่มีทางพลาด ให้ทักถามคนรักไปตรงๆว่ากำลังรู้สึกประมาณนั้นประมาณนี้อยู่ไหม ถ้าคำตอบออกมาถูกหลายๆครั้ง คุณจะเชื่ออย่างไม่สงสัยอีกต่อไปว่าตนสัมผัสจิตคนรักจากทางไกลได้จริง ไม่ใช่อุปาทานไปเอง

จิตไม่มีระยะทาง เพราะอยู่ในอีกมิติหนึ่งที่เป็นต่างหากจาก กว้าง ยาว ลึก ฉะนั้นแม้พวกคุณอยู่ห่างกันถึงดาวพระศุกร์ คุณภาพของจิตสัมผัสก็จะไม่ลดทอนลงตามระยะทางแม้แต่น้อย

จิตสัมผัสของรักแท้ เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่น่าสนุก และความสนุกนั้นก็จะทำให้คุณติดใจในกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ กับทั้งอยากสื่อสารกันให้รู้ซึ้งยิ่งๆขึ้นไป ราวกับเป็นคนเดียวกันจริงๆ ไม่เป็นอื่นต่อกันจริงๆ และจิตสัมผัสจะไม่มีผลกระทบข้างเคียง หากคุณหมั่นพิจารณาว่าสิ่งที่สัมผัสได้ เป็นเพียงภาวะหนึ่ง เกิดขึ้นเดี๋ยวหนึ่งแล้วก็ดับ ไม่ต่างจากลมฟ้าอากาศ ที่มีร้อนบ้างเย็นบ้างสลับกัน

ความไม่ยึดมั่นถือมั่นจะทำให้คุณยังคงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ติดค้างคาใจ ไม่ถือสาความคิดหยุมหยิมของใคร แต่ด้วยความยึดมั่นถือมั่น ต่อให้ไม่รู้จริงว่าใครคิดอย่างไร คุณก็จะทึกทักและปักใจเชื่ออยู่อย่างนั้น ว่าเขากำลังคิดอย่างที่คุณสำคัญผิดว่าเขาคิด หากคลื่นจิตเท่ากัน เล็งตรงกัน ผูกพันกันอยู่เสมอๆ ก็อย่าแปลกใจเมื่อถึงเวลาหนึ่งมีเสียงของคนรักดังขึ้นในหัว ได้ยินชัดๆเหมือนหูฟังเสียง เพียงแต่นี่เป็นเสียงที่คุณรู้ว่าเกิดขึ้นกระทบใจ ไม่ใช่ความสั่นสะเทือนผ่านอากาศมากระทบแก้วหู 

การมีเสียงของคนรักดังขึ้นในหัวไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เป็นธรรมชาติของจิตที่ทำตัวเป็นคลื่นรับส่งย่านเดียวกัน

หลายคู่ก็เกิดประสบการณ์ทำนองนี้หรือยิ่งกว่านี้โดยไม่ต้องฝึก เพียงแต่ไม่ถึงระดับสื่อสารสองทางราวกับคุยโทรศัพท์ เพราะถึงขั้นนั้นต้องเรียกว่าเป็น ‘โทรจิต’ แล้ว

การมีโทรจิตต้องอาศัยความนิ่งและคุณภาพของจิตอีกระดับหนึ่ง ใจคุณต้องคิดน้อยลงกว่าธรรมดาเกิน ๙๐% ด้วยการเอาใจไปเกาะอยู่กับเครื่องทำความสงบเช่นลมหายใจหรือกสิณ ซึ่งยากที่ชาวบ้านทั่วไปจะทำ เอาแค่สัมผัสใจตอนตัวห่างไกลได้ก็สนุกพอแล้ว แน่นแฟ้นกว่าคู่อื่นไม่รู้เท่าไรแล้วครับ อย่าไปไกลถึงขั้นโทรจิตเลย


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.