สาเหตุแห่งทุกข์ของความรัก
พูดถึงความรัก ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงคนรักหรือเรียกว่าแฟน รู้สึกว่าแฟนเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่ง
ถามต่อว่า มีแฟนไปเพื่ออะไร ถ้าไม่เหงา
ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ได้อย่างดี มาเข้าใจก่อนว่า ความเหงาคืออะไร แล้วลองทบทวนดูว่า เรามีแฟนเพราะเหงาหรือเปล่า ถ้าเหงาจะมีอาการต่างๆเหล่านี้
ความเหงาคือความอยากรู้ว่าฉันมีตัวตน
มี...แฟนของฉัน
ทำให้เกิดความต้อง พยายามเอาใจ เพื่อให้ได้มา(ได้มีแฟน ได้คนนี้มาเป็นแฟน)
เมื่อได้เป็นแฟนแล้ว
ความเหงาทำให้เกิดการเรียกร้อง ต้องการเวลา ต้องการความสุข
เมื่อไม่ได้ก็ทุกข์
แล้วความเหงาทำให้เกิดความหวง หึง กลัวจะเสียของฉันไป
เมื่อเราต้องการมีความรัก เราต้องเข้าใจก่อนว่าที่ต้องการจริงๆมันคืออะไรกันแน่
เราต้องการคนมารัก เพื่อแสวงหาความมีตัวตน ต้องการความสุขหรือไม่?
เพราะความจริงแล้ว ความรักไม่ต้องหา ถ้าเรารักใครเราก็เพียงปรารถนาให้เขามีความสุขเท่านั้น
ไม่ได้ หรือเขาไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็ไม่ทุกข์เพราะไม่ได้อย่างใจ "ฉัน"
ถ้าเราทุกข์เพราะความรักก็ต้องมาแก้ที่เหตุแห่งทุกข์ หรือตัวปัญหานั้น คือ"ฉัน" หรือ "เรา"
ความอยากมี ความอยากไม่มี ความอยากเป็น ความอยากไม่เป็น
คนรัก หรือคนอื่นน่ะเขาเป็นของเขาอย่างนั้น ความรักน่ะมันก็ไม่ได้มีปากบอกว่ามันเป็นอะไร ตัวเรานั่นแหละไปให้ค่า และอยากให้สิ่งต่างๆไม่เหมือนความจริงเอง
การอยากมีความสุขจึงไม่ใช่แก้ด้วยการ หาแฟน ให้เหนื่อย(ต้องทุ่มเท เอาอกเอาใจ)
หาแฟนเพื่อให้เขามาตามใจเรา
มีแฟนดีๆแล้วต้องมาคิดมาก กังวล เพราะต้องมานั่งหวง หึง กลัวเสียไป
เสียไปแล้วก็ร้องไห้ เศร้าโศก ทรมาน
คิดว่าอยู่ไม่ได้เพราะไม่มีแฟน แต่ที่จริงคืออยู่ไม่ได้ เพราะความอยากให้ฉันมีตัวตน
ทางแก้ในปัญหาทุกข์เรื่องความรักทุกเรื่องจึงมาจบที่ การตอบคำถามข้อเดียวมากกว่าว่า เรา หรือ ฉัน หรือตัวตนของฉัน มีอยู่ที่ไหน (ต้องหาไปเรื่อยๆ หรือมีที่จบ) ตัวตนของฉันมันมีอยู่จริงไหม?
ตัวเราเองนี้เกิดมาจากไข่ของแม่ สเปิร์มของพ่อ เติบโตสูงใหญ่จากหมูเห็ดเป็ดไก่ อาหาร น้ำ อากาศ
ความรู้สึกหรือความคิดที่ว่าเป็นตัวเรานี่มันคงที่ไหม
ตอนนี้เศร้า ตอนเย็นอารมณ์ดี
วันนี้เกลียด พรุ่งนี้รัก
ใครหรืออะไรที่เป็นคนบอกว่า นี่คือฉัน?
ทุกอย่างมันเป็นไปของมันเองตามเหตุปัจจัย แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วเราก็สำคัญผิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นของเราต่างหาก
มันคิดมากขึ้นมา ก็ว่าความคิดเป็นของเรา ก็ทุกข์ไปตามมัน
ทางแก้ที่จะทำให้ใจเราเห็นตามนั้นจริงๆ ก็คือต้องฝึกภาวนา ให้ใจเห็นสิ่งต่างๆตามจริงว่า
ทั้งกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ความคิด ความรู้สึกต่างๆของเรานี้ มันเกิดขึ้นแล้วเปลี่ยนแปลง คงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ บังคับให้เป็นอย่างใจไม่ได้ ให้ใจมันเห็นบ่อยๆจนมันเชื่อ แล้วมันวางความยึดมั่น อุปาทานผิดๆ
(รายละเอียดของการฝึกภาวนานั้นมีเริ่มตั้งแต่ ให้ทาน(จาคะ สละเป็น) รักษาศีล(มี "สติ" รักษาความปกติของใจ ไม่ทะยานออกไปทำอะไรตามความอยาก ไม่อยาก) สมาธิ(เมื่อรักษาศีลดี ใจก็สงบ ไม่ปรุงแต่งไปตามอารมณ์มาก) ปัญญา(เมื่อใจเปิดกว้าง ปกติ สงบ ใจก็พร้อมจะเห็น และเห็นจนมากพอ ครอบคลุมพอจนเข้าใจสิ่งต่างๆตามจริง) ใครสนใจเรื่องการภาวนาลองศึกษาและฝึกต่อดูนะคะ:))
เมื่อฝึกใจจนเป็นอิสระต่อความเห็นผิดแล้ว
จะบอกว่าเจอใคร พบใคร ก็เป็นไปตามกรรมนั่นแหละ
แต่ความพ้นจากความสำคัญผิดว่าจะทำเพื่อตัวฉัน ความดีของฉัน ความต้องการของใคร จะหมดไป เหลือแต่เหตุและผลล้วนๆ
ถ้าไม่เหงาก็ไม่ต้องเป็นทาสรัก จะไม่มีก็ได้ การมีหรือไม่เป็นทางเลือกมากกว่า
แล้วก็จะได้เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่าคนเรามีแฟนไปเพื่ออะไร ไม่ได้มีเพื่อความสุข
แต่มีเพราะเรามีจุดหมาย แล้วคนที่ผ่านเข้ามานี่เค้าก็มีจุดหมายเดียวกัน เต็มใจจะเดินไปด้วยกัน ชอบเดินทางแบบเดียวกัน คุยกันได้ ช่วยกันได้ แชร์กันได้
(แต่ถ้ามีเพราะต้องการมีความสุข อยู่ไปแบบไม่มีเป้าหมาย ก็อยู่กันไปแบบสุขๆทุกข์ๆ เพราะความอยากได้ความสุขมันไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเรียกร้องกันไปเรื่อยๆ ทนกันไป แล้วก็ไปไม่ถึงไหน ไม่ก้าวหน้า)
ดังนั้นจึงแนะนำให้มาแก้ไขปัญหาทุกข์ที่ต้นเหตุกันคือรู้ทันความอยากมีตัวตน ฝึกสติ มีความรู้ตัว จะไม่หลงทุกข์ไปหาตัวตน(คือความคิดไปเองที่จะเปลี่ยนแปลงดับไปเอง) ก็จะพ้นทุกข์ทั้งปวง:)
ตอนนี้ยังเป็นเช่นไรไม่สำคัญ สำคัญที่ใจเรามีเป้าหมายและมีทิศทางแล้ว ค่อยๆพัฒนา ค่อยๆขัดเกลา ก็จะค่อยๆคลายความยึด ความเห็นผิดๆเรื่อยๆ แล้วผลก็คือจะพ้นจากวังวนแห่งความทุกข์ได้ยิ่งๆขึ้น ค่ะ :)
ขอขอบคุณคำสอน คำแนะนำที่ได้จากพี่โจ้ ซึ่งเป็นครูอาจารย์ทางธรรมค่ะ ^/\^